เปิดสเปก “กมธ.ยกร่าง รธน.” คัดเข้ม ต้องผ่านงานกฎหมาย–การเมือง–ราชการ หรือสอนวิชาที่เกี่ยวข้อง ห้ามผู้เคยทุจริต–ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ร่วมสมัคร ขีดเส้น ผู้สมัครต้องเว้นว่างการเมือง 5 ปี และห้ามนั่งตำแหน่งการเมือง 3 ปีหลังร่างเสร็จ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา เปิดเผยว่า กมธ.ได้พิจารณาเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจนได้ข้อสรุปแล้ว ซึ่งมีการตั้งเกณฑ์ไว้สูงพอสมควร โดยเน้นว่าคนที่จะมาเป็นผู้ยกร่างฯ ต้องมีความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมาย บริบทการเมือง และสังคม
น.ส.พนิดา กล่าวว่า สำหรับ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คุณสมบัติคือ ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีสัญชาติไทยโดยการเกิด นอกจากนี้ ต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
1.เคยเป็นผู้สอนในสาขานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี
2.รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่า 3 ปี ในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลชั้นต้นหรือเทียบเท่า
3.รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่า 3 ปีในตำแหน่งอัยการประจำกองหรือเทียบเท่า
4.รับราชการหรือเคยรับราชการไม่น้อยกว่า 3 ปีในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าข้าราชการพลเรือนระดับ 8 หรือข้าราชการพลเรือนประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ ประเภทอำนวยการ หรือประเภทบริหาร หรือปฏิบัติงานหรือเคยปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ปีในตำแหน่งที่เทียบเท่า ในหน่วยงานของรัฐองค์การมหาชน หรือรัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา
5.เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ผู้ว่า กทม. นายกเมืองพัทยา นายก อบจ. นายกเทศมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ แต่พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง
6.เป็นผู้ทำงานหรือเคยทำงานในภาคประชาสังคมมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.กำหนด
น.ส.พนิดา กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ที่จะมาเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีข้อที่สำคัญ อาทิ 1.เคยถูกเพิกถอนหรืออยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
2.เคยถูกเพิกถอนหรืออยู่ในระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิ์รับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว หรือถูกเพิกถอนสิทธิ์ที่สมัครรับเลือกตั้ง
3.เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
4.เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
5.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
6.เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
ส่วนคุณสมบัติต้องห้ามอื่นๆ ได้แก่ 1.ติดยาเสพติดให้โทษ 2.เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช 3.วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 4.ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 5.เป็นรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น 6.เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 7.เป็นผู้สมัครรับเลือก กมธ.รับฟังความคิดเห็น
น.ส.พนิดา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดห้ามมิให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 3 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์แห่งการขจัดส่วนได้เสีย
น.ส.พนิดา กล่าวอีกว่า ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็น เกณฑ์จะกว้างมาก คือต้องมีสัญชาติไทยโดยการเกิด และมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ส่วนลักษณะต้องห้าม มีลักษณะใกล้เคียงกับของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว และจะต้องไม่เป็นผู้ลงสมัคร กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ







