ปี่กลองศึกเลือกตั้งทั่วไปปี 2569 เริ่มโหมบรรเลงดังกระหึ่มทั่วประเทศ หลังสัญญาณการ “ยุบสภา” ที่อาจเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดเดิมในช่วงเดือนมกราคม 2569 จุดชนวนให้การเมืองไทยเข้าสู่โหมดนับถอยหลังสู่สนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
พรรคการเมืองทุกขั้วต่างเร่งเครื่องเต็มกำลัง ทั้งการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการแข่งขันที่อาจมาถึงก่อนคาด สถานการณ์ในระยะนี้จึงเปรียบเสมือนช่วง “โหมโรงการเมือง” ที่ทุกพรรคต้องระดมกลยุทธ์ทุกมิติ ทั้งนโยบาย ภาพลักษณ์ และฐานเสียง เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบก่อนเข้าสู่โค้งสุดท้าย
เริ่มจาก “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะพรรคหลักที่กุมอำนาจรัฐอยู่ในปัจจุบัน ใช้ยุทธศาสตร์การทำงานเชิงรุกผ่านนโยบายที่เข้าถึงประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และ “เที่ยวดีมีคืน” ซึ่งได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี รวมถึงการส่งสัญญาณถึงเฟสต่อไป และการเร่งจ่ายเงินเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตต่าง ๆ มาตรการเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการ “มัดใจคะแนนเสียง” ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง
ควบคู่กัน ยังมีการจัดทัพโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงสำคัญ พร้อมเดินหน้าเปิดตัวแกนนำและ ส.ส. อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดึงกลุ่ม “บ้านใหญ่” ในหลายจังหวัดเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง หวังยกระดับพรรคสู่การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ความสำเร็จในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกถึงความพร้อมในสนามใหญ่ ล่าสุด พรรคได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีถึง 3 ราย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ถัดมาคือ “พรรคกล้าธรรม” หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ที่มี ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค วางเป้าหมายกวาดที่นั่ง ส.ส. ไม่ต่ำกว่า 70–100 ที่นั่ง กลยุทธ์สำคัญคือการรวบรวมอดีต ส.ส. และกลุ่มบ้านใหญ่ในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคใต้ การเข้าร่วมของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกลุ่มการเมืองในเครือ ถือเป็นการเสริมโครงสร้างพรรคอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้พรรคกล้าธรรมถูกจับตาในฐานะ “พรรคตัวแปร” ที่อาจมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการจัดตั้งรัฐบาล ด้วยอำนาจต่อรองที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ด้าน “พรรคประชาชน” ยังคงใช้บทบาทการตรวจสอบรัฐบาลเป็นเครื่องมือสร้างคะแนนนิยม แกนนำ เช่น นายรังสิมันต์ โรม และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เดินหน้าขุดคุ้ยและตรวจสอบขบวนการแก๊งสแกมเมอร์ จนนำไปสู่การขยายผลและจับกุมขบวนการรายใหญ่หลายเครือข่าย กลายเป็นแคมเปญหลักภายใต้สโลแกน “มีเรา ไม่มีเทา” แม้จะยังไม่เปิดตัวผู้สมัครอย่างหวือหวา แต่ในระดับพื้นที่ได้เริ่มกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. อย่างเข้มข้น พร้อมตั้งเป้าครองที่นั่งเกิน 250 ที่นั่ง เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเตรียมเปิดตัวรายชื่อคณะรัฐมนตรีของพรรคในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง
ขณะที่ “พรรคเพื่อไทย” แม้จะอยู่ในบทบาทฝ่ายค้าน แต่ถือเป็นหนึ่งในพรรคที่ขยับตัวเร็วกว่าหลายพรรค โดยประกาศความพร้อมผ่านกิจกรรม “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” พร้อมตั้งเป้าส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขตเลือกตั้ง ความเคลื่อนไหวสำคัญ คือการเปลี่ยนตัวผู้นำพรรคจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มาเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และมีการคาดการณ์ว่าจะเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม ปัญหา ส.ส. บางส่วนย้ายพรรค ประกอบกับกระแสคะแนนนิยมที่ชะลอตัว ทำให้เกิดคำถามในสังคมการเมืองว่านี่คือช่วงขาลงของพรรคหรือไม่
อีกพรรคที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ “พรรคประชาธิปัตย์” หลังเกิดกระแส “เลือดเก่าไหลกลับ” จากการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคและอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 หวนคืนกลับมานำทัพอีกครั้ง ภารกิจหลักคือการฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชน หลังพรรคเผชิญความขัดแย้งภายในและสูญเสียฐานเสียงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การกลับมาของนายอภิสิทธิ์พร้อมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ได้สร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับพรรคอย่างชัดเจน อดีตแกนนำและอดีต ส.ส. หลายรายเริ่มส่งสัญญาณพร้อมกลับมาร่วมงาน กระแสความนิยมในตัวผู้นำพรรคยังเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางของพรรคในระยะนี้
ขณะเดียวกัน “พรรคโอกาสใหม่” นำโดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประกาศลงสนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “โอกาสสำหรับคนไทยทุกคน” โดยชูจุดเด่นการเป็นพรรคทางเลือกใหม่ ที่เปิดพื้นที่ให้คนทุกเจเนอเรชันมีส่วนร่วมทางการเมือง พร้อมประกาศเป้าหมายผลักดันประเทศไทยให้กลับมาแข่งขันได้ในเวทีโลกอีกครั้ง
#เลือกตั้ง2569 #ยุบสภา #การเมืองไทย #สนามเลือกตั้ง #ภูมิใจไทย #เพื่อไทย #พรรคประชาชน #กล้าธรรม #ประชาธิปัตย์ #พรรคโอกาสใหม่ #ข่าวการเมือง #วิเคราะห์การเมือง #เลือกตั้งใหญ่ #การเมืองร้อนแรง








