จากลูกหม้อ “ทส.” ถึงปลัดคนใหม่ เปิดประวัติ “รวีวรรณ ภูริเดช” ดอกเตอร์วิศวะฯ พร้อมบทบาทยิ่งใหญ่ด้านที่ดิน-มรดกโลก

จากลูกหม้อ “ทส.” ถึงปลัดคนใหม่ เปิดประวัติ “รวีวรรณ ภูริเดช” ดอกเตอร์วิศวะฯ พร้อมบทบาทยิ่งใหญ่ด้านที่ดิน-มรดกโลก

ภายหลัง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติรับโอน นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เสนอรับโอนนางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ปลัดกระทรวง ทส. ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

นาง รวีวรรณ ภูริเดช (ชื่อเล่น “ติ๊ก”) เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2513 มีภูมิหลังทางการศึกษาโดดเด่น ได้แก่ปริญญาตรีวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 2)

 จากนั้นศึกษาในระดับปริญญาโทด้าน Water Resources Systems Engineering ที่ University of Newcastle upon Tyne ประเทศอังกฤษ และสำเร็จปริญญาเอก (Ph.D.) ด้าน Civil & Environmental Engineering จาก University of Wisconsin–Madison สหรัฐอเมริกา

เส้นทางในราชการและบทบาทสำคัญ

เริ่มจากบทบาททางวิชาการและด้านทรัพยากรน้ำ ก่อนเข้าสู่วิชาชีพราชการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่ง เช่น เลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ตั้งแต่ปี 2558–2564

จากนั้นเป็น ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ตั้งแต่ปี 2564 หรือเทียบเท่าระดับบริหารสูงในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ล่าสุดได้รับมติเข้าแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในบทบาทของเธอภายในระบบราชการไทย

ผลงานเด่นและประเด็นที่ถูกจับตามอง

ในบทบาทที่ สคทช. เธอผลักดันโครงการ “One Map” หรือแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ ในระดับมาตราส่วน 1 : 4 000 ซึ่งช่วยการจัดการที่ดินและแสดงถึงทิศทางใหม่ของนโยบายที่ดินไทย

นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญด้านการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของไทย เช่น แหล่งป่าแก่งกระจาน, เมืองโบราณศรีเทพ, อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท

สถานะครอบครัวและเครือข่าย

เธอสมรสกับนาย ณัฐภพ ภูริเดช ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลภูริเดชซึ่งมีบทบาทในหลากหลายภาคส่วน นับว่าเป็น “สะใภ้ใหญ่” ของตระกูล ซึ่งส่งผลให้บางส่วนให้ความสนใจในเครือข่ายและบทบาททางสังคมของเธอด้วย