การเมืองทั่วไป

หลักฐานมัดแน่น! “โฆษก กห.” โชว์คลิปทหารเขมร “เก็บทุ่นระเบิดเก่า-วางใหม่” ลั่นเลิกถอนอาวุธหนัก–เชลยศึกยังไม่กลับจนกว่าสงบ

แชร์ข่าว

“โฆษก กห”. ย้ำกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่ในดินแดนไทย แจง เป็นพื้นที่ทหารลาดตระเวนประจำ เปิดคลิปทหารเขมรเก็บระเบิดเก่าไปวางใหม่ ลั่น ระงับการถอนอาวุธหนัก ย้ำ จะปล่อยเชลยศึกจนกว่าจะเลิกเป็นปรปักษ์

 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 พ.ย.68 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาลพล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงถึงกรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดว่า ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. จนถึงเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ย. รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 20 ราย ทุพพลภาพขาขาด 7 ราย อีก 13 ราย ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก โดยทั้ง 7 ครั้ง เกิดขึ้นในดินแดนของประเทศไทย และเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ย.เกิดขึ้นในเส้นทางลาดตระเวนที่ทหารไทยใช้เป็นประจำบริเวณห้วยตามาเลียใกล้กับภูมะเขือ ลักษณะวางเป็นกลุ่มก้อน 4 จุด ใกล้เคียงกัน เพื่อมุ่งเป้าถึงชีวิต เป็นพฤติกรรมเดียวที่กัมพูชาใช้มาโดยตลอด ทุ่นระเบิดที่เหลือมีลักษณะใหม่ ตัวอักษรคมชัดเจน วางในดินที่ยังไม่มีหญ้าปกคลุม ย้ำชัดว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่ ทั้งนี้ วันที่ 30 เม.ย.68 ไทยได้ส่งรายงานไปยังคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา ว่าไทยไม่มีการเก็บสะสมสังหารบุคคลตั้งแต่เดือน ส.ค.62 รวมทั้งไม่มีการเก็บไว้เพื่อการศึกษา เป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่าเราไม่มีทุ่นระเบิดในครอบครอง

 

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า จากการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบริเวณชายแดนที่เป็นแนวสู้รบในอดีต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา มีถึง 16 ครั้งที่ทางกัมพูชาเข้ามาขัดขวาง และจากการสำรวจพื้นที่หลังการปะทะ ตรวจพบเพิ่มเติมว่ามีพื้นที่ที่ทางกัมพูชาเก็บทุ่นระเบิดสังหารไว้ด้วย ประกอบกับทุ่นระเบิดล่าสุดเป็นชนิด PMN-2 ไม่มีในสมัยสงครามในอดีต จึงสรุปได้ว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ และเป็นกัมพูชาเป็นผู้วาง นอกจากนี้ หลังจากสำรวจพื้นที่ภายหลังการปะทะกับกัมพูชา เราได้พบโทรศัพท์ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพวิดีโอทหารฝ่ายกัมพูชามีการเก็บกู้ทุ่นระเบิด และพบภาพการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด 72B จากนายทหารคนเดียวกัน จึงตั้งข้อสังเกตได้ว่าการเก็บกู้ทุ่นระเบิดดังกล่าวเพื่อนำไปวางระเบิดใหม่ หลักฐานที่กล่าวมาจึงชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นผู้ละเมิดปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาที่เขียนไว้ชัดเจนว่าไม่ให้ทั้งสองฝ่ายยั่วยุหรือเข้าไปในพื้นที่อธิปไตยของอีกฝ่าย

 

พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า การดำเนินการของไทยหลังจากนี้ เมื่อฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดปฏิญญา เราจะระงับการดำเนินการตามปฏิญญา เช่น การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ โดยไม่สนว่ากัมพูชาจะดำเนินการหรือไม่ แต่การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในดินแดนไทยจะดำเนินการต่อไป โดยขณะนี้วางพื้นที่เป้าหมายไว้ 64 พื้นที่ แต่จะเร่งดำเนินการใน 13 พื้นที่ก่อน ประกอบด้วย พื้นที่ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของกองกำลังบูรพา 3 พื้นที่ คือ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านเนินสมบูรณ์ จ.สระแก้ว, พื้นที่ของกองกำลังสุรนารี 6 พื้นที่ ประกอบด้วย ช่องบก ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี หมู่บ้านสายโท 10 ใต้ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ช่องกราง ช่องเหว ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรักษ์ จ.สุรินทร์, พื้นที่ของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด 4 พื้นที่ ได้แก่ หมู่บ้านตะกาง หมู่บ้านคลองเมือง หมู่บ้านชำราก อ.เมือง และหมู่บ้านโขดทราย อ.คลองใหญ่ จ.ตราด อย่างไรก็ตาม ใน 13 พื้นที่ข้างต้น จะมี 5 พื้นที่ที่เป็นพื้นที่นำร่อง ประกอบด้วย บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว บ้านชำราก ช่องเหว และสายโท 10 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายกับประชาชนไทยที่เข้าไปเก็บของป่า ทั้งนี้ การปล่อยเชลยศึกจะเป็นการดำเนินการขั้นสุดท้ายเมื่อเห็นว่ากัมพูชาสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์กับไทย เราจึงจะพิจารณาในเรื่องดังกล่าว

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้นำหลักฐานที่ทหารไทยเก็บได้ ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ที่บันทึกคลิปทหารกัมพูชากำลังเก็บระเบิดเก่าเพื่อไปวางยังจุดใหม่ และการสอนวางระเบิด มาให้ผู้สื่อข่าวดู โดยโทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่องที่เก็บได้ ได้มีการนำไปตรวจสอบกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมแล้ว พบว่าเป็นคลิปจริง และบุคคลรอบข้างที่เห็นภายในคลิปเป็นทหารกัมพูชาที่เคยลาดตระเวนร่วมกับทหารไทย โดย พล.ต.วินธัย กล่าวว่า โทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่องลงทะเบียนที่กัมพูชา หากโทรเข้าไปเช็กจะเป็นชาวกัมพูชารับสาย ทั้งนี้ โทรศัพท์ดังกล่าวเก็บได้บริเวณภูมะเขือตอนเกิดเหตุชุลมุน โดยเราพบโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง โดยหลักฐานเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันและเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนของฝ่ายไทย