การเมืองท้องถิ่น

สกู๊ปพิเศษ : มหาวิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่! โจทย์ท้าทาย "การเมืองท้องถิ่น" หลังน้ำลด

แชร์ข่าว

มหาวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้สร้างความเสียหายรุนแรงจนถูกประเมินว่าเป็น “น้ำท่วมหนักที่สุดในประวัติการณ์” และรุนแรงกว่าเหตุการณ์ปี 2553 อย่างชัดเจน จากข้อมูลพบว่าปริมาณฝนสะสมสูงถึง 630 มิลลิเมตร ภายในเวลาเพียง 3 วัน (19–21 พ.ย. 68) ซึ่งมากกว่าสถิติเดิมอย่างมหาศาล มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้าท่วมเมือง ทำให้เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ประชาชนจำนวนมากติดค้างอยู่ในพื้นที่วิกฤต การช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก และมีรายงานผู้เสียชีวิตหลายราย จนเกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็น “ความล้มเหลวด้านการบริหารจัดการน้ำ” และสะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมของ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ที่ยังไม่สามารถรับมือภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นได้ ทำให้ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงอย่างกว้างขวางในวงวิชาการและสาธารณชน

เมื่อกล่าวถึงน้ำท่วมหาดใหญ่ คนพื้นที่มักย้อนความทรงจำกลับไปยังมหาวิกฤตปี 2543 (ปีงูใหญ่) ที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และยังผูกโยงกับเรื่องราวการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะกรณีของ “นายเคร่ง สุวรรณวงศ์” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองหาดใหญ่ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “นายกตลอดกาล” ของชาวหาดใหญ่

ในเวลาต่อมา มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า “นายเคร่ง” หายตัวไปหลังน้ำท่วมปี 2543 ทว่าเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ พบว่า นายเคร่งไม่ได้หายตัวตามข่าวลือ เขายังคงใช้ชีวิตตามปกติอีกหลายปี ก่อนจะถึงแก่กรรมอย่างสงบในเดือนพฤษภาคม ปี 2563 ในวัย 91 ปี

ดังนั้น เรื่องการ “หายตัว” ของนายเคร่งจึงเป็นเพียงตำนานหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งอาจเกิดจากบทบาททางการเมืองที่ลดลงตามวัยหลังเหตุการณ์ใหญ่ หรือการส่งผ่านอำนาจให้คนในตระกูลสานต่อการเมืองท้องถิ่นในหาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ชื่อของเคร่ง สุวรรณวงศ์ ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของ “บ้านใหญ่” ตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในหาดใหญ่ และยังถูกใช้เป็นภาพเปรียบเทียบ “ผู้นำยามวิกฤต” มาจนถึงปัจจุบัน

สำหรับวิกฤตน้ำท่วมปี 2568 ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงภัยพิบัติทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังกลายเป็น “วิกฤตการเมืองท้องถิ่น” ที่กำลังสั่นสะเทือนสนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงกลายเป็นบททดสอบผลงานของ “ณรงค์พร ณ พัทลุง” หรือ “ปลัดแป้น” นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่คนปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังสะเทือนไปถึง “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” ทีมสงขลาพลังใหม่ ซึ่งเพิ่งชนะการเลือกตั้ง "นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา" เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ด้วยคะแนนสูง ผลงานด้านการบริหารจัดการในภาวะวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพร้อม การช่วยเหลือระหว่างเหตุการณ์ หรือการฟื้นฟูหลังน้ำลด จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญต่อความพึงพอใจของประชาชน

หากคะแนนนิยมของ “ผู้นำชุดปัจจุบัน” ดิ่งลงจากความล่าช้าในการจัดการสถานการณ์ และความเสียหายที่มากเกินคาด อาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อทีมบริหารและตระกูลที่ครองอำนาจมานาน (ซึ่งสืบทอดจาก “บ้านใหญ่” สั่นคลอนอย่างหนัก หากไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์และเยียวยาประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

วิกฤตนี้ยังเป็นโอกาสให้ “ผู้ท้าชิงใหม่” หรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่นหน้าใหม่ รวมถึงตระกูลคู่แข่งที่รอจังหวะ ได้เข้ามาแสดงบทบาทอย่างจริงจังผ่านการช่วยเหลือประชาชน เพื่อสร้างฐานเสียงและภาพลักษณ์ “ผู้กอบกู้” ซึ่งอาจส่งผลอย่างมากต่อการเลือกตั้งครั้งถัดไป

บทบาทของภาคประชาชนและอาสาสมัครที่ต้องช่วยเหลือกันเองอย่างโดดเด่นในช่วงเกิดเหตุ ยังสะท้อนว่า ประชาชนอาจไม่ยึดติดกับ “บ้านใหญ่” เหมือนในอดีต หากรู้สึกว่าผู้นำที่เลือกมาไม่สามารถพึ่งพาได้จริงในยามคับขัน ความต้องการ “การเปลี่ยนแปลง” และผู้นำที่มีศักยภาพด้านการจัดการภัยพิบัติจะกลายเป็นวาระใหญ่ที่สุด

อุทกภัยครั้งนี้จึงกลายเป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ที่กระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องความรับผิดชอบ และท้าทายอำนาจเดิมอย่างไม่เคยมีมาก่อน สนามการเมืองท้องถิ่นหาดใหญ่หลังน้ำลด 2568 จะไม่ใช่แค่ศึกชิงอำนาจระหว่างตระกูล แต่คือการต่อสู้เพื่อแย่งชิง “ความไว้วางใจ” ของประชาชนบนโจทย์การ “อยู่ร่วมกับภัยพิบัติอย่างยั่งยืน” ใครที่พิสูจน์ตัวเองในสมรภูมิกอบกู้วิกฤตนี้ได้ดีกว่า ย่อมมีโอกาสสูงที่จะก้าวขึ้นเป็น “ผู้นำท้องถิ่น” คนต่อไปในยุคหลังน้ำลดอย่างแท้จริง

#น้ำท่วมหาดใหญ่2568 #การเมืองท้องถิ่นหาดใหญ่ #เคร่งสุวรรณวงศ์ #บ้านใหญ่สงขลา #วิกฤตน้ำท่วม #นายกเทศมนตรีหาดใหญ่ #เลือกตั้งท้องถิ่น #น้ำท่วมหาดใหญ่ #วิกฤตหาดใหญ่ #การเมืองท้องถิ่น #บ้านใหญ่หาดใหญ่ #เลือกตั้งหาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย2568 #ข่าวการเมืองท้องถิ่น #หาดใหญ่วันนี้ #วิกฤติการเมือง

ข่าวแนะนำ