“ทรัมป์” ขู่ถล่มอิหร่านซ้ำ! หากหวนพัฒนาอาวุธ ย้ำฮามาสต้องวางอาวุธ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ออกท่าทีแข็งกร้าวต่อ อิหร่าน ระหว่างพบหารือกับ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่คฤหาสน์มาร์-อา-ลาโก รัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม โดยระบุว่าสหรัฐอาจสนับสนุนอิสราเอลโจมตีอิหร่านครั้งใหญ่อีกครั้ง หากเตหะรานกลับมาเดินหน้าโครงการขีปนาวุธทิ้งตัวหรือโครงการอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมย้ำว่า ฮามาส ต้องวางอาวุธ มิฉะนั้นจะเผชิญการตอบโต้อย่างรุนแรง
ทรัมป์และเนทันยาฮูหารือประเด็นข้อตกลงสันติภาพในฉนวนกาซา ซึ่งสหรัฐทำหน้าที่เป็นตัวกลาง รวมถึงความกังวลด้านความมั่นคงของอิสราเอลต่ออิหร่านและ ฮิซบอลเลาะห์ ในเลบานอน โดยทรัมป์กล่าวว่าอิหร่านอาจกลับมาเริ่มโครงการอาวุธอีกครั้ง หลังจากถูกสหรัฐใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ครั้งใหญ่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีรายงานว่าอิหร่านกำลังย้ายไปดำเนินโครงการในสถานที่ใหม่
ทรัมป์ระบุว่าได้รับข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว พร้อมแสดงความหวังว่ารายงานจะไม่เป็นจริง เพราะไม่ต้องการ “สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง” ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ไปโจมตีอิหร่านอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าสหรัฐและอิสราเอลพร้อมดำเนินการ หากพบการละเมิดหรือการพัฒนาอาวุธที่คุกคามความมั่นคง
สำหรับฉนวนกาซา ทรัมป์ผลักดันให้การหยุดยิงเดินหน้าเข้าสู่ เฟส 2 ซึ่งกำหนดให้อิสราเอลถอนกำลังออกจากพื้นที่ และฮามาสต้องวางอาวุธ ท่ามกลางข้อกล่าวหาซึ่งกันและกันเรื่องการละเมิดข้อตกลง และความเห็นต่างในรายละเอียดของขั้นตอนถัดไป โดยฮามาสยืนกรานไม่ยอมวางอาวุธ ขณะที่อิสราเอลยังคงควบคุมพื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของฉนวนกาซา และระบุว่าหากฮามาสไม่ปฏิบัติตาม ก็อาจกลับมาใช้มาตรการทางทหาร
ทรัมป์กล่าวโทษฮามาสว่าไม่ยอมวางอาวุธอย่างรวดเร็ว พร้อมย้ำว่าอิสราเอลปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงแล้ว และเตือนว่าการไม่ยอมวางอาวุธจะนำไปสู่ “ผลร้ายแรง” ขณะเดียวกัน เขาเผยว่ายังมีความเห็นต่างกับอิสราเอลในประเด็นเวสต์แบงก์ แต่เชื่อว่าสุดท้ายจะได้ข้อสรุปร่วมกัน ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการต่อชาวปาเลสไตน์และทบทวนการตั้งถิ่นฐานของชาวยิวในเวสต์แบงก์








