ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ถึงแม้จะยังหวาดวิตกและไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ โดยเฉพาะในคืนเคาท์ดาวน์เฉลิมฉลองปีใหม่ ขอความร่วมมืองดเปิดเพลงเสียงดัง และงดจุดพลุหรือประทัด เพราะจะทำให้ชาวบ้านตื่นตกใจ ชี้อาจทำให้ฝ่ายกัมพูชา ฉวยโอกาสกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเริ่มยิง และอาจเป็นชนวนเหตุให้เกิดการสู้รบขึ้นอีก
วันนี้ (31 ธ.ค.68) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศหมู่บ้านในพื้นที่แนวชายแดน ต.จันทบเพชร ต.สายตะกู และ ต.โคกกระชาย อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบว่าโดยส่วนใหญ่ประชาชนเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติบ้างแล้ว หลังจากก่อหน้านี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้อนุญาตให้ประชาชนที่อพยพ ได้เดินทางกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติ หลังจากมีการเจราจาข้อตกลงหยุดยิงใน 72 ชั่วโมง ซึ่งได้ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อช่วงเที่ยงวันของเมื่อวาน(30ธ.ค.68) ที่ผ่านมา
โดยพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ ยังคงใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างหวาดระแวง ซึ่งบางส่วนเริ่มเข้าทำการปัดกวาดทำความสะอาดบ้านเรือน ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยัง คงจัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น เก็บไว้อยู่ในกล่องและกระเป๋า ไว้พร้อมสำหรับเตรียมเดินทางได้ตลอดเวลา รวมถึงได้นำเสื้อผ้าออกมาซักตากแดด เตรียมพร้อมไว้เช่นเดียวกัน
เนื่องจากยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ ว่าฝ่ายกัมพูชาจะมีความจริงใจ หรือปฎิบัติตามข้อตกลง หลังได้ผ่านพ้นเวลา 72 ชั่วโมงไปแล้ว โดยหลังจากนี้หากเกิดสถานการณ์ขึ้นอีกครั้ง ขอให้รัฐบาลและทหารดำเนินการให้เด็ดขาดมากกว่านี้ และไม่ต้องทำการตกลงหรือเจรจาใดๆเกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้เรียกร้องและขอความร่วมมือประชาน ที่เดินทางกลับมาเที่ยวเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ยังพื้นที่ในหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยขอให้อย่าเปิดเพลงส่งเสียงดัง และจุดพลุหรือประทัด เพราะจะทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งชาวบ้านยังหวาดวิตก และเกิดความสับสน ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของพลุประทัดหรือปืนใหญ่ ทั้งอาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ เพื่อก่อให้เกิดการสู้รบกันอีกก้ได้
โดย นางทองใส พรหมทา อายุ 65 ปี กับ น.ส.วรรณา พรหมทา อายุ 32 ปี สองแม่ลูกชาว ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านใกล้กับชายแดน และในพื้นที่ใกล้เคียงมีกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชา ถูกยิงตกลงมา ที่เพิ่งได้เดินทางกลับมาจากศูนย์พักพิงชั่วคราวเพียงไม่กี่วัน บอกว่า วันนี้เพิ่งได้มีโอกาสขนเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ลงจากรถ และถือโอกาสซักเสื้อผ้าเอาไว้ โดยข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ก็ยังคงเก็บไว้ในลังและกระเป่าเดินทางไว้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมไว้อยู่เสมอ แต่พอได้กลับเข้ามาบ้านคืนก็รู้สึกดีใจเป้นอย่างมาก เพราะต้องจากบ้านไปอยู่ศูนย์พักพิงไม่น้อยกว่า 20 วัน โดยในช่วงวันสองวันแรกๆที่เดินทางกลับเข้ามาบ้าน ก็ยังคงระแวงอยู่เช่นกัน และได้หลับทั้งระแวงไม่รู้ว่าได้นอนหลับไปตอนไหน เพราะมีกระแสข่าวว่าทางฝ่ายกัมพูชาได้มีการเพิ่มเติมกำลังทหารและอาวุธขึ้นอีก หากเป้นไปได้ก็ไม่อยากให้มีสถานการณ์สู้รบเกิดขึ้นอีก เพราะชาวบ้านไม่อยากอพยพทิ้งถิ่นฐานอีกแล้ว
โดยมองว่าหลังการเจรจาข้อตกลงหยุดยิง 72 นี้ ก็ยังไม่มีความมั่นใจหรือไว้ใจในสถานการณ์ เพราะฝ่ายกัมพูชาไม่เคยปฎิบัติตามข้อตกลงในการเจราจาใดๆเลย และหากพบว่ามีสถานการณ์เกิดขึ้นอีก ก็อยากให้รัฐบาลและทหารดำเนินการให้เด็ดขาดมากกว่านี้ และไม่ต้องเจรจากันอีกแล้ว
พร้อมกันนี้ ยังได้ฝากถึงพี่น้องประชาชน ทั้งจากศูนย์พักพิงชั่วคราว และที่เดินทางกลับเข้ามาเที่ยวเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตามหมู่บ้านพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยขอความร่วมมือให้เฉลิมฉลองและสังสรรค์ ว่าไม่อยากให้เปิดเพลงเสียงดัง และมีการจุดพลุหรือประทัด เพราะจะทำให้ประชาชนตกใจกลัว ไม่รู้ว่าเสียงดังที่เกิดขึ้นเป็นเสียงพลุประทัดหรือเสียงปืนใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะกัมพูชาอาจจะเกิดความเข้าใจผิดได้ว่าฝ่ายไทยเราได้เริ่มยิงปืนใหญ่.
ภูมิภาค 54








