ต่างประเทศ

ประเด็นข่าวรอบโลก (24 พ.ย.68) "หุ้นเอเชีย" เด้งรับสัญญาณเฟดลดดอกเบี้ย / น้ำมันหลุด 58 ดอลลาร์ / "ทรัมป์" เขย่าหลายเวทีโลก

แชร์ข่าว

ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มเปิดการซื้อขายในแดนบวกวันนี้ (24 พ.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) หลังจากนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อีกภายในปีนี้

วิลเลียมส์กล่าวระหว่างการร่วมเสวนาที่ประเทศชิลีว่า นโยบายการเงินของเฟดยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัว แม้จะผ่อนคลายลงมาบ้างจากมาตรการล่าสุดก็ตาม ดังนั้นจึงยังมีช่องว่างสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายในระยะใกล้ เพื่อให้ทิศทางนโยบายเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น พร้อมรักษาสมดุลในการบรรลุเป้าหมายหลักสองด้านของเฟด คือการควบคุมเงินเฟ้อและการจ้างงานเต็มศักยภาพ

คำกล่าวดังกล่าวได้กระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม โดยข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 70% ต่อความน่าจะเป็นที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับก่อนหน้านี้ที่ต่ำกว่า 40%

ขณะเดียวกัน ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ (24 พ.ย.) เคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์ภายในประเทศ

ณ เวลา 06.52 น. ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวขึ้น 165 จุด หรือ +0.36% แตะระดับ 46,486 จุด โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ท่ามกลางความสนใจของนักลงทุนต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลดังกล่าว

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงเช้าวันนี้ โดยหลุดระดับ 58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอแผนสันติภาพเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และเปิดทางให้รัสเซียกลับมาส่งออกน้ำมันเข้าสู่ตลาดโลก

ณ เวลา 07.09 น. ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 35 เซนต์ หรือ -0.60% มาอยู่ที่ระดับ 57.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยแผนสันติภาพยูเครน 28 ข้อของทรัมป์ ระบุถึงการรับรองอธิปไตยของยูเครน รัสเซียจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน การไม่ขยายสมาชิกนาโต ข้อจำกัดจำนวนทหารยูเครน รวมถึงการกำหนดว่าหากรัสเซียรุกราน ยูเครนจะได้รับการตอบโต้ทางทหารร่วมกัน และการคว่ำบาตรจะถูกนำกลับมาใช้ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) ภายใต้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกการเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาการปิดหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown) ทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลสำรวจย้อนหลังได้อย่างสมบูรณ์

ส่วนดัชนี CPI ประจำเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 10 ธ.ค. จะถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 18 ธ.ค. แทน

ทางด้านความเคลื่อนไหวทางการทูต เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติได้ส่งจดหมายถึงนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถอนคำพูดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของญี่ปุ่นในสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีไต้หวัน

ทาคาอิจิเคยกล่าวต่อรัฐสภาว่า เหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับไต้หวัน หากมีการใช้กำลังทหารจากจีน อาจถือเป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น และอาจเปิดทางให้ญี่ปุ่นใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองได้

ฟู คง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ ระบุว่า คำพูดดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำญี่ปุ่นแสดงท่าทีข่มขู่จีนอย่างเปิดเผย และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศร้ายแรง

ส่วนการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่บราซิล ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับการรับประกันการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ หลังกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยืนยันว่าควรมีสิทธิใช้ทรัพยากรดังกล่าวเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ขณะที่กว่า 80 ประเทศ รวมถึงอังกฤษและสหภาพยุโรป ต้องการให้โลกเร่งหยุดใช้น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซให้เร็วขึ้น

ความล้มเหลวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลของสหประชาชาติว่า เป้าหมายจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากยุคก่อนอุตสาหกรรมอาจไม่บรรลุผล โดยหัวใจสำคัญของ COP30 อยู่ที่การจัดทำ “โรดแมป” การเปลี่ยนผ่านจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจพิจารณาอนุญาตให้อินวิเดีย (Nvidia) ส่งออกชิป AI รุ่น H200 ไปยังจีนได้ หลังจากความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มคลี่คลาย ภายหลังการทำข้อตกลงสงบศึกทางการค้าที่ปูซานเมื่อเดือนก่อน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อยู่ระหว่างทบทวนนโยบายควบคุมการส่งออก โดยแม้ทำเนียบขาวปฏิเสธให้รายละเอียด แต่ยืนยันว่ารัฐบาลยังคงยึดมั่นในการรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก

นอกจากนี้ ราคากาแฟโลกปรับตัวลดลงในวันศุกร์ (21 พ.ย.) หลังทรัมป์ประกาศยกเลิกภาษีนำเข้า 40% สำหรับสินค้าเกษตรจากบราซิลหลายรายการ รวมถึงเมล็ดกาแฟดิบ ส่งผลให้ตลาดคาดว่าเมล็ดกาแฟจากบราซิลจะไหลเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาสต็อกที่ตึงตัว

บราซิลในฐานะผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ส่งออกกาแฟไปยังสหรัฐฯ ราว 1 ใน 3 ของอุปสงค์ทั้งหมด โดยคำสั่งยกเลิกภาษีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการค้าของทรัมป์ที่ปรับลดภาษีนำเข้าจากประเทศผู้ผลิตหลัก

ขณะที่รัฐบาลอังกฤษกำลังเดินหน้ามาตรการยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 135 ปอนด์ โดยราเชล รีฟส์ รัฐมนตรีคลัง ระบุว่ามาตรการนี้จะช่วยเพิ่มรายได้รัฐราว 500 ล้านปอนด์ต่อปี

ผู้ค้าปลีกในประเทศ โดยเฉพาะ Next และ Associated British Foods เจ้าของแบรนด์ Primark สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว โดยมองว่าผู้ค้าปลีกออนไลน์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีน ได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากผู้บริโภคอังกฤษที่ซื้อสินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์เหล่านี้ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า หากราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด

#ประเด็นข่าวรอบโลก #ข่าวรอบโลก #ตลาดหุ้นโลก #หุ้นเอเชีย #เฟดลดดอกเบี้ย #เศรษฐกิจโลก #ราคาน้ำมัน #ทรัมป์ #COP30 #สงครามยูเครน #Nvidia #CPIสหรัฐ #กาแฟโลก #เศรษฐกิจสหรัฐ

ข่าวแนะนำ

แชร์ข่าว