“ฮุน เซน” แข็งกร้าว! ปัดกัมพูชาง้อไทยเปิดด่าน จี้คืนทหาร 18 นาย
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวกัมพูชารายงานว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาในงานประชุมสงฆ์ประจำปีครั้งที่ 33 โดยกล่าวถึงหลายประเด็นที่เกี่ยวกับไทย ทั้งเรื่องทหารกัมพูชา 18 นายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของไทย ปัญหาชายแดน การค้า และประเด็นปฏิญญาร่วมไทย–กัมพูชา
สมเด็จฮุน เซน ระบุว่า เหตุการณ์ที่หมู่บ้านเปรยจันเป็นผลจากการ “ยั่วยุ” ของฝ่ายไทย เพื่อจุดชนวนความขัดแย้งทางทหาร แต่รัฐบาลกัมพูชาได้สั่งห้ามกองทัพตอบโต้ ไม่ใช่เพราะหวั่นเกรงการสู้รบ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชน พร้อมย้ำว่ากัมพูชาปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมที่ลงนามในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และไม่มีเหตุผลใดที่จะโจมตีประเทศเพื่อนบ้าน ทว่ากลับถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้น
ด้านประเด็นการปิดด่านชายแดน สมเด็จฮุน เซน ยืนยันว่า กัมพูชาไม่เคยร้องขอให้ไทยเปิดด่านแม้แต่ครั้งเดียว และต่อให้ไทยปิดด่าน “อีก 100 ปี” ชาวกัมพูชาก็จะไม่อดตาย พร้อมระบุว่ากัมพูชาจะไม่ลดศักดิ์ศรีไปร้องขอ เพราะด่านเป็นของไทย ไทยปิดเองก็ต้องเปิดเอง
เขายังเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาที่แบนสินค้าไทย แยกแยะระหว่างสินค้าที่นำเข้าจากไทย กับสินค้าที่บริษัทไทยผลิตในกัมพูชา เช่น ผลิตภัณฑ์ของซีพีซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศ พร้อมเตือนว่าไม่ควรทำเกินกว่าเหตุจนกระทบต่อเศรษฐกิจของกัมพูชาเอง
สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวถึงการค้าชายแดนว่าเป็น “เกมที่ไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์” แต่ไทยจะได้รับผลกระทบมากกว่า เพราะเป็นฝ่ายส่งออกสินค้ามายังกัมพูชามากกว่า
ขณะเดียวกัน กรณีทหารกัมพูชา 18 นายที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของไทย เขาระบุว่า ทั้ง 18 นายถือเป็น “ผู้พลีชีพเพื่อชาติ” และไม่ใช่เชลยศึก แต่เป็น “ตัวประกัน” ที่ไทยใช้ต่อรอง โดยอ้างว่าทหารไทยได้บุกเข้าควบคุมตัวพวกเขาในดินแดนกัมพูชา หลังการหยุดยิงมีผลบังคับใช้แล้ว พร้อมตั้งคำถามถึงบทบาทของผู้รายงานพิเศษสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำกัมพูชา ซึ่งเป็นชาวไทย ว่าทำไมไม่พูดถึงเหตุการณ์นี้








