ปี 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่สำคัญสำหรับภาคการเงินการธนาคารไทย ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและกดดันรอบด้าน แต่สำหรับ “ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)” หรือ CREDIT ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการปรับตัว ผ่านการขับเคลื่อนองค์กรอย่างสมดุลด้วยความระมัดระวัง ควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ เพื่อเคียงข้างและสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก ให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายไปได้
ภาพรวมผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการ จากการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 ธนาคารมีกำไรสุทธิสะสมอยู่ที่ 2,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นที่ร้อยละ 16.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยความสำเร็จของการดำเนินงานในปีนี้ เกิดจากความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์
เริ่มต้นปีด้วยการเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนเครดิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้เงินให้สินเชื่อที่ขยายตัวขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 903 ล้านบาท
สำหรับในไตรมาสที่ 2 แม้สภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว แต่ธนาคารยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 ธนาคารโชว์ศักยภาพการควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดีขึ้น สวนทางกับภาพรวมอุตสาหกรรม โดยอัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.2% (จากเดิม 4.5% ในไตรมาส 3 ปี 2567) สะท้อนถึงประสิทธิภาพในกระบวนการบริหารความเสี่ยงและการดูแลลูกหนี้ ส่งผลให้กำไรสุทธิประจำไตรมาสเติบโตต่อเนื่อง อยู่ที่ 1,014 ล้านบาท
ด้านกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์การเสริมสภาพคล่อง ตลอดปี 2568 ธนาคารเน้นกลยุทธ์ “Customer Centric” ด้วยการพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งการออกแบบสินเชื่อที่ยืดหยุ่นและการเข้าถึงสภาพคล่องที่รวดเร็ว ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนพอร์ตสินเชื่อรวมให้ขยับสู่ระดับ 177,670 ล้านบาท ณ สิ้นงวด 9 เดือนแรก
ในปี 2568 ธนาคารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่ม ผ่านการเปิดตัว ‘สินเชื่อเถ้าแก่ใหญ่’ เพื่อสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนและสร้างโอกาสในการขยายกิจการแก่ผู้ค้ารายย่อย ด้วยวงเงินสูงสุด 500,000 บาท โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ควบคู่ไปกับ 'สินเชื่อตลาดค้าส่ง' ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ค้าส่งโดยเฉพาะ ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1,000,000 บาท นอกจากนี้ ธนาคารยังมุ่งขยายฐานลูกค้ากลุ่ม MSME ผ่านการเปิดตัว 'สินเชื่อ SME กล้าสู้' ซึ่งเป็นการนำนโยบายอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยง (Risk-based Pricing) มาใช้ เพื่อมอบข้อเสนอที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรมตามศักยภาพของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันให้ยอดสินเชื่อขยายตัวได้อย่างโดดเด่นและเป็นไปตามเป้าหมายในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อีกทั้ง ธนาคารยังมุ่งสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงินในยุคดิจิทัล ผ่านการยกระดับประสิทธิภาพแอปพลิเคชัน 'Micro Pay e-Wallet' ซึ่งเป็นแอปเพื่อคนข้าขายโดยเฉพาะ ที่พัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดกว่า 3.2 แสนราย ให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้นและสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างเป็นระบบและคล่องตัวยิ่งขึ้น นอกจากนี้การขับเคลื่อนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลยังช่วยให้ธนาคารสามารถรวบรวมฐานข้อมูลธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพ (Data-driven) เพื่อนำมาวิเคราะห์และเพิ่มแม่นยำในการพิจารณาสินเชื่อในกลุ่ม Nano and Micro Finance ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อย่างครอบคลุมและยั่งยืนในอนาคต"
ในช่วงไตรมาสที่ 4 ธนาคารเดินหน้ายกระดับความมั่นคงให้แก่เศรษฐกิจฐานราก ผ่านการผนึกกำลังกับพันธมิตรชั้นนำ “บริษัท ไทยไพบูลย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน)” เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์ประกันภัยภายใต้แนวคิด “เข้าใจ คุ้มครอง ห่วงใย” ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตผู้ประกอบการรายย่อยและพ่อค้าแม่ค้าโดยเฉพาะ นำเสนอแพ็กเกจ “SCAN & PROTECT” เพื่อมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกมิติความเสี่ยง ทั้งด้านทรัพย์สิน ยานพาหนะ และภัยธรรมชาติ และ “บริษัท ไทยประกันสุขภาพ จำกัด (มหาชน)” เสริมความคุ้มครองด้านสุขภาพที่สำคัญผ่าน “Critical Illness Safety” ที่ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรงและอุบัติเหตุ พร้อมอบเงินชดเชยรายได้ เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง ไร้กังวลในทุกสถานการณ์
ในด้านการขยายเครือข่ายสาขา ธนาคารยังคงเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดให้บริการสาขาเต็มรูปแบบ เพิ่มอีก 3 สาขา บนทำเลศักยภาพ ได้แก่ สาขาถนนนิมมานเหมินท์ จังหวัดเชียงใหม่ สาขาวี วรรณ ทาวเวอร์ และสาขาเซ็นทรัล พาร์ค เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าในทุกกลุ่มได้อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เงินฝาก ด้วยแคมเปญเงินฝากดอกเบี้ยสูง “เงินฝากประจำทันใจ” (Fixed Deposit Tanjai) ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความคุ้มค่าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการออมเงิน หลากหลายระยะเวลาฝาก 8 เดือน, 10 เดือน และ 12 เดือน เพื่อเป็นช่องทางในการพักเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงและแน่นอน ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
จากผลของการดำเนินงาน ความมุ่งมั่น ในการส่งมอบโซลูชั่นทางการเงินและบริการที่เป็นเลิศแก่ลูกค้าและสังคม ส่งผลให้ธนาคารได้รับการยอมรับผ่านรางวัลและมาตรฐานสำคัญต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ครอบคลุมในหลายมิติ อาทิ ด้านธุรกิจและการเงิน ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ 'A(tha)/F1 (tha)' โดย Fitch Ratings และติดติดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 ต่อเนื่องปีที่ 2 โดย นิตยสาร Fortune, ด้านการกำกับดูแลกิจการ ผ่านการรับรองสมาชิกของแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย โดย Thai CAC และได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ระดับ 5 ดาว ต่อเนื่องปีที่ 2 โดย สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ร่วมกับ ตลท. และ ก.ล.ต. ด้านการส่งเสริมสังคมและสิทธิมนุษยชน ได้รับรางวัลโครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และ รางวัลองค์กรต้นแบบสิทธิมนุษยชน ตลอดจนด้านสิ่งแวดล้อม ได้รับรางวัล Leading ESG Award จากเวที Future Trends 2025, ผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO 14064-1 โดย BSI, ได้รับการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) และ SET ESG Ratings ระดับ “A”จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีแรก
โดยสรุป ปี 2568 ของธนาคารไทยเครดิต ถือเป็นปีแห่งการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนทางการเงินของลูกค้าทุกกลุ่ม ภายใต้ปรัชญา “Everyone Matters” เพื่อตอกย้ำพันธกิจการเป็น “ธนาคารที่ทุกคนเข้าถึงได้” อย่างแท้จริง การดำเนินงานตลอดทั้งปีได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้อย่างดีเยี่ยม ความสำเร็จเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการที่เติบโต แต่ยังรวมถึงความพร้อมในการเป็นเสาหลักสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและสังคมไทยให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคงในปีถัดไป








