วันที่ 15 ธ.ค.68 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Ekniti Niti ระบุข้อความว่า จาก Executor ในฐานะข้าราชการประจำ สู่ policy maker ในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ช่วงเกือบ 3 เดือนที่ผ่านมา นอกจากหน้าที่การงานที่เปลี่ยนไป เวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองก็หายไปเช่นกัน เพราะทุกอย่างเร่งรีบไปหมด ต้องทำงานแข่งกับเวลา 4 เดือน เพื่อคลอดมาตรการ 5 เสาหลัก 1 ฐานรากที่เรียกว่า ‘Quick Big Win’ ให้ครบ เพื่อ ’กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว‘ แต่ในที่สุด เวลาที่ได้ทำงานจริงๆ มีแค่ประมาณ 2 เดือน กว่าๆ ซึ่งสามารถคลอดมาตรการต่างๆ ได้เกือบครบตามที่ตั้งใจไว้
วันนี้อยากจะขออนุญาต share ประสบการณ์อันมีค่าสำหรับผมในการเป็นรองนายกฯ และ รมว คลังในช่วงที่ผ่านมา
1. การออกแบบนโยบาย ‘Quick Big Win’
-ที่มาของชื่อ ’Quick Big Win‘: หากใครเคยร่วมงานกับผมที่กระทรวงการคลัง ’Quick Big Win’ ไม่ใช่คำใหม่แต่เป็นคำที่ใช้ในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานต่างๆ แต่พอต้องออกแบบนโยบายที่ต้องทำใน 4 เดือนให้เกิดผลเชิงประจักษ์ ผมจึงนำ concept นี้มาใช้ในการออกแบบนโยบายเศรษฐกิจร่วมกับทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจท่านอื่นเพื่อให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน
-นโบบายที่ทำได้จริง จับต้องได้ เห็นผลเป็นรูปธรรม: การออกนโยบายในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเราต้องคำนึงถึงทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจภาพรวม สังคม ธุรกิจ อุตสาหกรรม การเงิน ตลาดทุน การคลัง ที่สำคัญที่สุด คือ ประชาชน เป็นสัจธรรมที่เราไม่สามารถออกแบบนโยบายที่ถูกใจทุกคนได้ แต่ต้องตัดสินใจบนพื้นฐานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ ดังนั้น นโยบายที่ออกแบบจะต้องทำได้จริง มุ่งแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และยาว เห็นผลเป็นรูปธรรม และคำนึงถึงความคุ้มค่าของทรัพยากรที่มีจำกัด และวินัยการคลังควบคู่กันไป เช่น คนละครึ่งพลัส (เสาที่ 1) ที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยให้มีการ upskill ร้านค้า เพื่อผลระยะยาว และผลที่ได้กระจายตัวไปทั่วประเทศ
2. หัวใจการขับเคลื่อนนโยบายทุกเสาหลัก คือ การ ‘บูรณาการ’ (Agile) ของทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน
-คนมักเข้าใจผิดว่าการบูรณาการจะเกิดเฉพาะตอน execution แต่จริงๆ แล้ว นโยบายที่มีประสิทธิภาพจะต้องเริ่ม ‘บูรณาการ’ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ
-การออกแบบนโยบายเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน (เสาที่ 2) สภาพคล่อง SME ที่หดตัว (เสาที่ 3) รวมทั้งการส่งเสริมการออมเพื่อตอบโจทย์สังคมสูงวัย (เสาที่ 4) มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเกี่ยวข้องมากมายตั้งแต่กรมต่างๆ ในกระทรวงการคลัง แบงค์ชาติ NCB สมาคมธนาคารไทย สมาคมแบงค์รัฐ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า จนถึง กลต. ตลท. ดังนั้น การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อมูล พร้อมทั้งเปิดใจรับฟังว่าแต่ละหน่วยมีข้อเสนอและอุปสรรคอะไรบ้างตั้งแต่เริ่มต้น จะทำให้เกิดการ ‘บูรณาการ’ เชิงนโยบาย ซึ่งตามมาด้วย การ ’บูรณาการ‘ ในเชิงปฏิบัติของแต่ละหน่วยงานเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ตั้งใจไว้
3. การออกแบบนโยบายจะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากเราไม่รับฟังปัญหาที่แท้จริงของ ‘customer’ ในที่นี้หมายถึงผู้ประกอบการ
ในเสาที่ 5 - การลงทุนเพื่ออนาคต ได้มีการรับฟังปัญหา และอุปสรรคของนักลงทุนที่ได้รับบัตรส่งเสริม BOI ว่าติดปัญหาอะไร จึงเกิดโครงการ Thailand Fast Pass ขึ้น เพื่อปลดล็อคกฎระเบียบต่างๆ เพื่อให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ โดยจับมือกับผู้ประกอบการพัฒนาหลักสูตรที่ตรงตามความต้องการของตลาด
4. การออกแบบนโยบายเศรษฐกิจ และการดำเนินงานทั้งหมดต้องตั้งอยู่บน ‘วินัยการเงินการคลัง’ โดยปรับแผนการคลังระยะปานกลาง เพื่อลดการขาดดุลภาครัฐ และแสดงความตั้งใจจริงในการรักษาวินัยการคลัง โดยการคืนหนี้ ธกส. และการออกหลักเกณฑ์ ม. 28 เพื่อจำกัดการใช้นโยบายกึ่งการคลังให้มีความรัดกุม และรอบคอบมากขึ้น
5. นโยบายจากสัมฤทธิ์ผลสูงสุด ไม่ใช่แค่ ทำได้จริง ตอบโจทย์ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาวเท่านั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ‘เวลา’ และ ‘ความต่อเนื่อง’ เพื่อให้ทุกมาตรการมีผลเป็นรูปธรรม
ผมคนเดียวไม่สามารถขับเคลื่อนทุกอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันจำกัด หากไม่ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือร่วมใจจากผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สศช. BOI และกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐ และเอกชน ตั้งแต่ ธปท. กลต. ตลท. สมาคมแบงค์รัฐ กกร. NCB ไปจนถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่อาจจะกล่าวถึงไม่หมด
สุดท้าย ขอขอบคุณทีมงานเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ตั้งแต่ผู้ช่วยฯ/เลขาฯ/ทีมที่ปรึกษาทางการ และไม่ทางการ/ทีมหน้าห้องของรองนายกฯ และรมว. คลัง ที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ โดยไม่ได้หยุดพักหายใจหายคอกันเลย ทุกคนยอดเยี่ยมมากครับ ขอบคุณทุกท่านจากใจจริงครับ
ท้ายสุด กราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี ที่เห็นความตั้งใจ ความจริงใจ และให้โอกาสผมเข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจของประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญนี้







