“ไทยภักดี” ย้ำ 8 ประเด็น ปมสหภาพไดกิ้น ชี้ต้องแยกเงื่อนไขพิเศษรายบุคคลออกจากข้อเรียกร้องพนักงานทั้งระบบ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “วรงค์ เดชกิจวิกรม – Warong Dechgitvigrom” เรื่อง “อยากให้ประชาชนเข้าใจความจริงเรื่องสหภาพแรงงานไดกิ้น” ระบุว่า...
อยากให้ประชาชนเข้าใจความจริงเรื่องสหภาพแรงงานไดกิ้น
พรรคไทยภักดีได้ติดตามข้อเรียกร้อง ของสหภาพแรงงานกับบริษัทไดกิ้น จนกระทั่งนำไปสู่การปิดงาน(หยุดพักงาน ไม่จ่ายค่าจ้าง) มีประเด็นที่อยากให้ประชาชนได้เข้าใจ
1.โรงงานไดกิ้นมีพนักงานทั้งหมดประมาณ 5,000 คน แต่เป็นพนักงานประจำ 2,800 คน ที่เหลือเป็นการจ้างเหมา และนักศึกษาฝึกงาน
2.ในปีพ.ศ. 2567 บริษัทมีกำไร 5,500 ล้านบาท พนักงานได้โบนัส 7 เดือน ขึ้นเงินเดือน 4.5% และมีเงินพิเศษ 21,000 บาท (เป็นผลจากการเจรจา)
3.ในปีพ.ศ. 2568 บริษัทมีกำไร 5,905 ล้านบาท บริษัทจ่ายโบนัส 5 เดือน ขึ้นเงินเดือน 2% และมีเงินพิเศษ 12,000 บาท ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อพนักงาน เพราะบริษัทกำไรเพิ่ม แต่ผลตอบแทนพนักงานลดลง จึงเกิดการชุมนุมของพนักงาน
4.มีการเจรจากันหลายครั้ง จนมีบทสรุปที่ใกล้ลงตัวคือ จ่ายโบนัสเท่าเดิม คือ 7 เดือน เพิ่มเงินเดือน 4.5% เงินพิเศษ 3 หมื่นบาท
5.ปัญหาที่ยังมีอยู่คือ ข้อตกลงของบริษัทเฉพาะพนักงานเป็นรายๆที่ขยัน ไม่ขาด ไม่ลา ไม่มาสาย จะได้ทองคำ ถ้าขยันต่อเนื่อง 5 ปี จะได้1บาท ถ้า5-10 จะได้ตั้งแต่ 1บาทสลึงจนถึง 2 บาท ถ้าเกิน 10 ปี จะได้ 3 บาท
6.ข้อตกลงนี้ เพื่อสร้างแรงจูงใจของบริษัท กับพนักงาน มีมาตั้งแต่ก่อนปี 2555 แต่หลังจากปี 2555 จะได้เป็นเงิน 40,000 บาทแทน
7.ปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากทองคำราคาแพงขึ้น ทางบริษัทจึงนำเรื่องทองคำ ที่เป็นเรื่องส่วนบุคคล ระหว่างบริษัทกับพนักงานที่ขยัน มาปะปนกับข้อเรียกร้องของสหภาพ ซึ่งเป็นเรื่องผลตอบแทนของพนักงานทั้งหมด จึงนำไปสู่ปัญหาและสั่งปิดงานในที่สุด
8.พรรคไทยภักดีขอเรียกร้อง กระทรวงแรงงาน ที่จะมาไกล่เกลี่ยปัญหานี้(ทราบข่าวว่า 8 ธ.ค.นี้) ต้องแยกเรื่องบริษัทที่ตกลงจูงใจกับพนักงานที่ขยัน ไม่ขาด ไม่ลา ไม่มาสาย อย่าเอามาปะปนกับ ผลตอบแทนของพนักงานทั้งหมด ที่สหภาพแรงงานเป็นตัวแทน ในการเรียกร้อง ซึ่งใกล้จะยุติแล้ว และหวังว่าน่าจะยุติด้วยดี








