ข่าวเศรษฐกิจ

"ศ.สุชาติ" ชี้ GDP คือรายได้ของชาติ ไม่ใช่รายจ่าย! แนะสร้างงานและลงทุนเพิ่มฟื้นเศรษฐกิจ

แชร์ข่าว

วันที่ 24 พ.ย.68 ศาสตราจารย์​ ดร.สุชาติ​ ธา​ดา​ธำ​รง​เวช​ อดีต​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการคลัง​ กล่าวว่า​ GDP คือรายได้​ (มิใช่รายจ่าย) ​คนในชาติต้องไปทำงานไปผลิตของมาขาย​จึงจะได้ GDP​ เราเป็นประเทศเล็ก​ ผลผลิตจึงนำไปขายเป็นการส่งออก​และท่องเที่ยว​ 70% ผลิตซื้อขายกันในประเทศ​ 30% การที่รัฐบาลแจกเงินเป็นการกระจายรายได้และบรรเทาความยากจน​ แต่ไม่สามารถฟื้น​เศรษฐกิจ​ได้​

GDP ไทยเติบโตต่ำ​มานาน เราอาจอ้างว่า​มีคนแก่เยอะ, ระบบราชการเทอะทะ, คอรัปชั่น​มาก, ระบบการศึกษาแย่, ยาเสพติดเยอะ,​ ทุนเทามีมาก, มีสงครามกับเพื่อนบ้าน, มีปัญหา​ความเชื่อมั่น, สิ่งเหล่าเป็นเรื่องระยะยาว​ ซึ่งก็คล้ายๆ​ เพื่อนบ้าน แต่ประเทศเพื่อนบ้านเจริญเติบโต​ เราไม่เติบโต​

รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหา​ระบบ​เศรษฐกิจ​ (Macro) ระยะสั้น​ ที่รัฐบาลควบคุมได้คือ​ ดอก​เบี้ยสูงไป, เงิน​เฟ้อต่ำไปจนติดลบ, ค่าเงินบาทแข็งมากไป, และปริมาณเงินบาทในระบบ​เศรษฐกิจ​มีน้อยไป​

ระบบเศรษฐกิจ​เราไม่เติบโต​ เป็นเพราะรายได้ส่งออกและท่องเที่ยวน้อยไป, การลงทุนต่ำไป, GDP​ จึงเติบโตต่ำ​ มีผลให้หนี้ประชาชนและหนี้รัฐบาลเพิ่มขึ้น​มาก เนื่องจากรายได้ประชาชนไม่พอ, รัฐเก็บภาษีได้น้อย,​ การลงทุนลดลง​เพราะส่งออกได้น้อย​ จึงผลิตน้อย​ ใช้เครื่องมือเครื่องจักร​ (capacity utilization rate) ​แค่​ 50-60% จึงมีการซื้อเทค​โนโลยี​ใหม่​ๆ​ น้อย

การส่งออก&ท่องเที่ยวน้อย​ เพราะค่าเงินบาทแข็งเกินไป​มาก แข็งกว่าเกือบทุกประเทศในโลก (ดูตาราง) ค่าเงินบาทที่แข็ง​มากเกินไป​ เป็นเพราะ​ดอกเบี้ยสูงไป, และการเพิ่มปริมาณ​เงินบาทในระบบเศรษฐกิจ​เรา​ต่ำไป, ต่ำกว่าทั่วโลกมาก​, มีผลให้เงินเฟ้อเราต่ำกว่าเงิน​เฟ้อโลก​มากเกินไป

สูตรค่าเงินบาท​ คือ​ e=P/Pw​: e คืออัตราแลกเปลี่ยน, P คือราคาสินค้าเรา, Pw​ คือราคาสินค้าโลก, เมื่อ​เงินเฟ้อไทยเพิ่มขึ้นช้ากว่า​เงินเฟ้อโลก ค่าเงินบาท​ e​ ก็ต้องแข็งค่าขึ้น​ (คือ​ตัว​ e​ ลดลง​ เช่น จาก​ 37​ บาทต่อ$ เป็น​ 32​ บาทต่อ$)

ปัญหา​จึงควรแก้ที่เหตุ​ ​ด้วยการเพิ่มปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจ​ให้เหมาะสมกว่านี้, จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง, ส่งออก&ท่องเที่ยวจึงจะเพิ่มขึ้น, การลงทุนจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย​ เพราะขายได้เพิ่มขึ้น, GDP​ จึงต้องเพิ่มขึ้น​ ทำให้รายได้ประชาชนสูงขึ้น,​ รายได้ภาษีมากขึ้น, หนี้ประชาชน​ และหนี้รัฐบาลก็จะลดลง, การลงทุนที่เพิ่มขึ้น​,​ จะทำให้การใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น​ ทำให้มีการลงทุนและการซื้อเทคโน โลยี​ใหม่ๆ​ มากขึ้น, GDP​ ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอีก​ (หากคิดแต่พูดเรื่องปัญหา​ระยะยาวในข้อ​2, เราจะแก้ปัญหา​เศรษฐกิจ​ไม่ได้)​

ความจริง​ สมัยปลายพลอ.เปรม และสมัยพล.อชาติชาย​ เราก็มีปัญหา​ระยะยาวส่วนใหญ่ในข้อ​2. แต่​ GDP​ ไทยเติบโตเฉลี่ย​ 11% ในช่วง​ 3-4​ ปี​นั้น โดยการส่งออกโตเฉลี่ย​ 30% เป็นเพราะดร.วีรพงษ์​ รามา​ง​กูร​ เสนอพลอ.เปรม​ฯ ให้ปรับลดค่าเงินบาทที่แข็งเกินไป​ จาก​ 21บาท/$ เป็น​ 27บาท/$ ปรับลดลงไป​ 28.5% ได้ทำให้เศรษฐกิจ​ไทยกลับมาเจริญเติบรุ่งเรือง​ มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน​ และพัฒนาเทคโนโลยี​กันมากมาย​ ประชาชนมีชีวิต​ความเป็นที่ดี

การแก้ปัญหา​เศร​ษฐกิจ ต้องคิดเป็นระบบ​ และต้องรู้ระบบ​เศรษฐกิจ​มหภาค​ การคิดเป็นเรื่องๆ​ เป็น​ Micro​ แก้ไขปัญ​หาระบบเศรษฐกิจ​ไม่ได้​ ดร.​สุชาติ​ กล่าว

Tags:GDP
แชร์ข่าว