เมื่อวันที่ 24 พ.ย.68 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานใหญ่ ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรชนณจรรยา ผ็นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดิใึนทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิด อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯกับพวกหลังถูกย้ายให้ไปเป็นผู้ตรวจฯ หลังตรวจพบมีการนำหญิงสาวมาบริการนักโทษจีนเทาบางรายในห้องลับและพบสิ่งของต้องห้ามมากมายในห้องลับ อันเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามกฎหมายของ ป.ป.ช.โดยตรง
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 233/2568 กรณีสืบเนื่องจากการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและพบการกระทำผิด ซึ่งอาจมีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด จึงได้ใช้อำนาจตามความในมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 จึงมีคำสั่งให้ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร (ในขณะนั้น)ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการ กรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.68 เป็นต้นไป พร้อมตั้งกรรมการขึ้นมาสอบตามระเบียบ และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 19 รายในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไม่ใช่คลับส่วนตัวของคนบางกลุ่ม หรือสปาปิดลับของผู้ใด หากแต่เป็นทัณฑ์สถานหรือเรือนจำ ที่สร้างไว้กักกันนักโทษ หรือป้องกันชาวบ้านมิให้เข้าไป เพราะการนำคนนอกหรือสิ่งของใดๆ เข้าเรือนจำโดยไม่ผ่านขั้นตอน เป็นเรื่องต้องห้ามตามมาตรา 72-73 และเป็นความผิดทางอาญา เนื่องจากกฎหมายราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 71 เขียนไว้ชัดเจนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และถ้าคนทำเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะต้องเพิ่มโทษเข้าไปอีก 3 เท่าเพราะถือว่าทรยศต่อระบบที่ตัวเองสาบานตนว่าจะรักษา และยังมีโทษวินัยข้าราชการพลเรือนมาตรา 85 ความผิดร้ายแรง มาตรา 95 วรรคสอง อันเป็นเหตุให้ไล่ออกได้ทันที ไม่ต้องตั้งกรรมการด้วยซ้ำ ยังไม่รวมความผิดอาญา ปอ.มาตรา 157
แต่เนื่องจากการสั่งย้ายหรือจะให้ออก ผบ.เรือนจำพิเศษฯกับพวกดังกล่าว ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายขั้นสูงสุดซึ่งเป็นที่ครหาของสังคมได้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อเรื่องเงียบลงไม่เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและประชาชนอีกต่อไป เจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกตั้งกรรมการสอบก็อาจจะหลุดพ้นและกลับมาเติบโตในชีวิตราชการต่อไป โดยไม่มีการลงโทษในทางอาญาใด ๆ ดังกรณีตัวอย่างหลาย ๆ กรณี อาทิ กรณีการเอื้อประโยชน์ให้นักโทษไป รพ.ตำรวจที่ชั้น 14 เป็นต้น นอกจากนั้นยังปรากฎในการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่รัฐหลายองค์กรในกระบวนการยุติธรรม เมื่อเรื่องเงียบคนที่ถูกสั่งย้ายก็ยังคงอยู่ในวงการราชการ และบางรายมีตำแหน่งใหญ่โตมากกว่าเดิมก็มี
ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความมาร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้นำกรณีดังกล่าวมาไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิด อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพกับพวกทั้งหมด ที่มีพฤติกรรมที่อาจฝ่าฝืนวินัยอย่างร้ายแรงและฝ่าฝืนกฎหมาย ป.ป.ช.2561 อย่างชัดเจน เพื่อรวบรวมสำนวนส่งอัยการฟ้องต่อศาลอาญา ให้พิจารณาลงโทษตามครรลองของกฎหมาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อข้าราชการรายอื่น ๆ สืบไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด








