เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 น.ส.อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์หนี้สินครัวเรือนของไทยในไตรมาส 2/68 พบว่า หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 86.8% ของ GDP หดตัวลง 0.3% ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 นับตั้งแต่ไตรมาส 1/67 โดยมีมูลค่าหนี้ครัวเรือนรวม 16.31 ล้านล้านบาท สะท้อนการชะลอตัวของภาระหนี้ในภาพรวม แม้ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค
ในขณะเดียวกัน สัดส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลที่ค้างชำระเกิน 90 วันขึ้นไป (NPLs) จากข้อมูลของเครดิตบูโร มีมูลค่ารวม 1.24 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน NPLs ต่อสินเชื่อรวม 9.11% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 8.78% และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกประเภทสินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนสินเชื่อที่ค้างชำระระหว่าง 1–3 เดือน (SMLs) ต่อสินเชื่อรวมปรับลดลง จากการดำเนินมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในระยะถัดไปแนวโน้มหนี้เสียอาจเริ่มชะลอลงได้
ทั้งนี้ สศช.เสนอประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
การเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่อยู่อาศัยก่อนเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี เนื่องจากพบแนวโน้มบ้านถูกยึดและนำออกขายทอดตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งควรเร่งกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ทั้งก่อนและหลังการบังคับคดี เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการสูญเสียที่อยู่อาศัยของประชาชน
การส่งเสริมการเข้าถึงมาตรการสินเชื่อของครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดเงื่อนไขสินเชื่อที่มีความยืดหยุ่น ไม่สร้างภาระในระยะยาว พร้อมประชาสัมพันธ์มาตรการให้ประชาชนรับรู้ เพื่อให้เข้าถึงความช่วยเหลือได้ทันเวลา และลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ
การประชาสัมพันธ์และติดตามผลการดำเนินโครงการ “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” รวมถึงการขยายให้ครอบคลุมลูกหนี้กลุ่ม Non-bank เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้เกิดผลอย่างทั่วถึงมากขึ้น
ด้านสถานการณ์การจ้างงานในไตรมาส 3/68 พบว่า ภาพรวมตลาดแรงงานหดตัวเล็กน้อย โดยแรงงานในภาคเกษตรกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่แรงงานนอกภาคเกษตรขยายตัวเล็กน้อย
โดยผู้มีงานทำในไตรมาส 3/68 มีจำนวนทั้งสิ้น 39.9 ล้านคน ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 3/67) แบ่งเป็นแรงงานนอกภาคเกษตรกรรม 28 ล้านคน ขยายตัว 0.6% โดยขยายตัวมากที่สุดในสาขาการขนส่งและจัดเก็บสินค้าซึ่งเพิ่มขึ้น 4.9% รองลงมาเป็นสาขาการผลิต ส่วนสาขาการก่อสร้างลดลง 5.4%
ขณะที่แรงงานในภาคเกษตรกรรมมีจำนวน 11.9 ล้านคน หดตัว 2.9% ซึ่งจำเป็นต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม และเร่งเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรหลังสถานการณ์คลี่คลาย ทั้งในด้านรายได้และต้นทุนการผลิต
ในส่วนของชั่วโมงการทำงาน ภาพรวมแรงงานทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 43.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยแรงงานภาคเอกชนอยู่ที่ 47.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ผู้ทำงานล่วงเวลามีจำนวน 6.4 ล้านคน หรือคิดเป็น 6.9% ของผู้มีงานทำทั้งหมด ขณะที่ผู้ทำงานต่ำระดับอยู่ที่ 1.4 แสนคน ลดลง 25.7%
สำหรับการว่างงาน ไตรมาส 3/68 มีผู้ว่างงานประมาณ 3.1 แสนคน คิดเป็นอัตราการว่างงาน 0.76% ลดลงอย่างชัดเจนจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1.02%
ด้านค่าจ้างแรงงาน พบว่า ค่าแรงเฉลี่ยในภาพรวมอยู่ที่ 15,957 บาทต่อคนต่อเดือน ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ค่าจ้างเฉลี่ยของแรงงานในภาคเอกชนอยู่ที่ 14,705 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 2.4%
ทั้งนี้ สศช.ระบุประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญต่อเนื่อง ได้แก่
การควบคุมระดับราคาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะสินค้าจำเป็น เพื่อรักษากำลังซื้อและเสถียรภาพค่าครองชีพของแรงงาน
การเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังน้ำท่วมคลี่คลาย โดยต้องเร่งจ่ายเงินเยียวยา พร้อมเดินหน้ามาตรการฟื้นฟู เช่น สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และปัจจัยการผลิตใหม่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถกลับมาผลิตได้ตามปกติเร็วที่สุด
#สศช #หนี้ครัวเรือน #อัตราว่างงาน #เศรษฐกิจไทย #NPL #ตลาดแรงงาน #ค่าแรงขั้นต่ำ #หนี้ครัวเรือนไทย #เศรษฐกิจไตรมาส3








