เมื่อวันที่ 24 พ.ย.68 สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติมาเลเซีย (NADMA) รายงานสถานการณ์อุทกภัยล่าสุด หลังฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงมรสุม ส่งผลให้น้ำท่วมขยายวงกว้างใน 7 รัฐ มีประชาชนได้รับผลกระทบรวมกว่า 11,000 คน
จากรายงานระบุว่า รัฐที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย เกดะห์ กลันตัน ปีนัง เประ ปะลิส ตรังกานู และสลังงอร์ โดยรัฐกลันตัน ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์รุนแรงที่สุด มีผู้ประสบภัยสูงถึง 8,248 คน จากกว่า 3,000 ครัวเรือน ทางการได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว (PPS) แล้ว 33 แห่ง เพื่อรองรับผู้ได้รับผลกระทบ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ในรายละเอียดรายพื้นที่ พบว่า รัฐกลันตันยังคงอยู่ในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะใน 4 อำเภอหลัก ได้แก่ โกตาบารู ตุมปัต บาจก และปาซีร์ปูเตะฮ์ โดยที่อำเภอบาจก มีรายงานปริมาณฝนสะสมสูงถึง 33.5 มิลลิเมตร ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ส่งผลให้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมฉับพลัน
ขณะที่รัฐปะลิส เผชิญสถานการณ์ซ้ำซ้อนจากเหตุดินถล่มที่หมู่บ้านวังเกลียน ทำให้ชาวบ้านประมาณ 400 คนติดค้างอยู่ในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทุกคนปลอดภัยและสามารถอพยพขึ้นไปพักยังมัสยิดในพื้นที่สูงเรียบร้อยแล้ว โดยพันโท โมห์ด อิไซมี มด ดาวุด ผู้อำนวยการกองกำลังป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนรัฐปะลิส ยืนยันว่า มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว 6 แห่ง เพื่อดูแลผู้ประสบภัย
ส่วนที่รัฐเประ ทางการอยู่ระหว่างเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักอย่างใกล้ชิด หลังระดับน้ำบางจุดสูงเกินระดับอันตราย โดยแม่น้ำบิดอร์ (สุไหงบิดอร์) วัดระดับได้ 4.05 เมตร ขณะที่แม่น้ำสลิม (สุไหงสลิม) มีระดับน้ำสูงถึง 27.16 เมตร
ด้านรัฐสลังงอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ล่าสุดที่ได้รับผลกระทบ ทางการได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวแล้ว 2 แห่ง ในเขตซาบักเบอร์นัม เพื่อรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม
ขณะที่รัฐเกดะห์และตรังกานู รายงานว่าสถานการณ์เริ่มทรงตัว โดยจำนวนผู้ประสบภัยลดลงเล็กน้อย หลังฝนเริ่มซาลงในบางพื้นที่
ทั้งนี้ อุทกภัยในช่วงมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงมีนาคม ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในมาเลเซีย แต่ปีนี้หลายพื้นที่เผชิญสถานการณ์รุนแรงพร้อมกันในวงกว้าง ส่งผลให้ทางการต้องสั่งเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำสายสำคัญอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
#น้ำท่วมมาเลเซีย #มาเลเซีย #กลันตัน #น้ำท่วมอาเซียน #ภัยพิบัติ #MalaysianFlood #NADMA #ข่าวต่างประเทศ







