มลพิษทางอากาศ เป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะ PM 2.5 และคาร์บอนไดออกไซด์จากรถดีเซล คือปัญหาหลักของสังคมไทย บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด Thai Smile Bus (TSB) ภายใต้การนำทัพของ กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา หรือ คุณกิ๊ก CEO สาวที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้าง Green Mobility ที่จับต้องได้ ผ่านรถเมล์ไฟฟ้า 100% เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านมาตรฐานใหม่ของการเดินทางในเมืองให้สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืนในระยะยาว เพราะเธอเชื่อว่า “ทุก 1 กิโลเมตรที่รถไทยสมายล์วิ่ง คือ 1 กิโลเมตรที่เมืองสะอาดขึ้น”
วันนี้รถเมล์ไฟฟ้าได้พลิกโฉมรถเมล์ไทยให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย ปลอดภัยและช่วยลดมลพิษในเมืองได้จริง คุณนภสร ลำธารทอง หรือ “คุณฟา” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายแบรนด์และการตลาด บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนไทยสมายล์บัส เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นรถเมล์ไฟฟ้า EV 100% ว่า ครั้งแรกที่เข้ามาสัมภาษณ์งาน ทำให้ต้องเปลี่ยนภาพรถเมล์ในกรุงเทพฯไปอย่างสิ้นเชิง เพราะ แนวคิดและอุดมการณ์แรงกล้า ของ CEO ตั้งใจที่จะสร้างรถเมล์ดี ๆ เพื่อวิ่งในเมือง โดยข้างในรถมีกล้อง CCTV 6 ตัว สามารถดูทุกอย่างในรถได้ ไม่ว่าจะเป็นการจับพฤติกรรมคนขับรถแบบ real-time ที่สำคัญมี GPS ติดตามตำแหน่งของรถว่าอยู่ที่ไหน ปริมาณคนขึ้นรถมีเท่าไหร่ มีกล้องจับนอกตัวรถสามารถดูได้ว่าจราจรในช่วงนั้นเป็นสีเขียว สีเหลืองหรือสีแดง
“วันนั้นฟังแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก ตลอด 20 ปี ที่ทำงานกับบริษัทต่างชาติ เราไม่เคยเจอบริษัทไทยที่มีมุมมองแบบนี้ และรู้สึกว่าเป็น Passion หนึ่งที่น่าร่วมงานด้วย คือการเปลี่ยนคุณภาพของตัวรถ เพื่อเปลี่ยนคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้น”
ขณะที่บทบาทหลักของไทย สมายล์ บัส ก็ชัดเจน คือ ลดมลพิษในเมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตจริง ทุกคนสัมผัสได้จริง จากการใช้รถเมล์ไฟฟ้า เรือไฟฟ้า ที่คุณกิ๊ก CEO ตัดสินใจทำขึ้นมา มีผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม ลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้มหาศาล เทียบเท่าการปลูกต้นไม้หลายล้านต้นต่อปีและยังช่วยลด PM 2.5 ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ริมถนน จุดชุมชน โรงเรียน และย่านเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนได้อากาศที่ดีขึ้นแบบ real-time และเรามีเป้าหมายว่าประเทศไทยควรมีขนส่งสาธารณะที่ทันสมัยและเท่าเทียมในระดับเดียวกับเมืองชั้นนำของโลก ที่ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม และช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้ใช้บริการ ช่วยให้เมืองเติบโตได้บนพื้นฐานของความยั่งยืนและโอกาสที่เท่าเทียม
ไทย สมายล์ บัส นำเทคโนโลยีหรือระบบอัจฉริยะใดมาใช้กับระบบขนส่งสาธารณะ
ถ้ารถโดยสารไฟฟ้าคือจุดเริ่มต้นของความสะอาด ระบบ AI คือหัวใจของความยั่งยืน (AI for Sustainability) จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ TSB ตัดสินใจลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI Fleet ลดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัย Bus Stop Analytics ทำให้เห็นความหนาแน่นของผู้โดยสารและการวางเส้นทางอย่างมีประสิทธิภาพ Realtime CCTV ช่วยตรวจสอบสถานการณ์ในรถแบบทันที Green Ledger + Carbon Credit System ทำให้รถ EV ทุกคันเป็น Green Asset ที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจใหม่ให้ประเทศ
นอกจากนี้ยังยกระดับการให้บริการ ผ่านเทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยด้วย ‘ศูนย์ควบคุมอัจฉริยะ’ Transit Smart Hub ซึ่งเป็นศูนย์กลางการควบคุมการเดินรถทั้งทางบกและทางน้ำครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ที่จะคอยมอนิเตอร์รวบรวมข้อมูลการเดินทางตลอด 24 ชั่วโมง ยกระดับคุณภาพ ผ่านระบบ Fleet Management ที่สามารถติดตามการเดินรถทุกคันในฟลีทได้แบบเรียลไทม์, นำเดต้าที่ได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลการใช้บริการได้อย่างตรงจุด
ไทย สมายล์ บัส มีนโยบายด้านความยั่งยืนและ ESG อย่างไร
เรากรีนตั้งแต่ราก แน่นอน E - Environmental (สิ่งแวดล้อม) พอทุกอย่างเป็น EV 100% เราไม่ได้สร้างมลพิษ ทุกคนสัมผัสได้จริง และชาร์เลนต่อไป เราจะสามารถให้คนที่ขึ้นรถกรีนไปกับได้อย่างไร ต่อมาเรื่อง S - Social ฟาเป็นหนึ่งคนที่ขับรถตามรถเมล์ไฟฟ้าสีน้ำเงิน และไม่มีควันเข้ามาในตัวรถยนต์ที่ฟาขับตาม ซึ่งไม่ใช่แค่คนขึ้นที่กรีนแต่คนที่อยู่ในเมืองด้วยกันทั้งหมดก็กรีนไปด้วย อันนี้คือกรีนทั้งระบบไปด้วยกัน
ส่วนเรื่อง G - Governance แน่นอนเป็นเรื่องของธรรมาภิบาลและความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ดังนั้นห้องคอนโทรล รูม เห็นทุกอย่างแบบ real time จริง ๆ อันนี้เป็นอีโค่ซิสเต็มอันหนึ่งที่เรา และเรากำลังจะทำลูปหนึ่งที่เรียกว่า PDCA Plan Do Check Act เพื่อการบริการที่ครอบคลุมกับปริมาณรถในทุกเส้นทาง และรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วัน แบบ real time
ปัจจุบันตัวเลขผู้โดยสารเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดได้ว่าประชาชนสัมผัสได้ถึงความสะอาด ความปลอดภัย และมาตรฐานใหม่ของรถโดยสารสาธารณะ คนเมืองเริ่มกลับมาเชื่อมั่นในระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น สะท้อนคุณภาพชีวิตของผู้คนโดยตรง และทางไทย สมายล์ บัส ก็มีแพลนที่จะเจาะกลุ่มการเดินทางกับกลุ่มเยาวชนมากขึ้น เพื่อเป็นการปลูกฝังให้เด็กในสังคมไทย ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม และมองว่ามันไม่ได้ไกลตัว สร้างพฤติกรรมที่ผู้โดยสารเริ่มปรับตัวไปสู่ New Urban Mobility Behavior
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการดำเนินธุรกิจนี้
ข้อแรกทำอย่างไรให้รู้จักไทย สมายล์ บัส เพิ่มขึ้น โดยจับมือกับอินเตอร์เฟอร์รี่ และ UITP ที่เป็นคมนาคมระดับโลก ซึ่งเขามองเห็นสิ่งที่ไทย สมายล์ บัส ทำ ไม่ใช่แค่สินค้าแต่เรากำลังเปลี่ยนระบบการเดินทางทั้งหมดของประเทศไทย ที่ไม่เคยทำมาก่อน รวมถึงใช้ระบบ real-time ในการบริหารค่อนข้างใหญ่พอสมควร และทำให้ชีวิตคนในเมืองดีขึ้นอย่างมีนัยยะ อาจจะไม่ใช่ทันทีทันใด อันนี้คือความท้าทายหลัก คือการเข้าถึงข้อมูลของไทย สมายล์ บัส เป็นภาพไมโครและกำลังขับเคลื่อนอยู่ในตอนนี้
ความท้าทายที่สองเราจะทำอย่างไรให้ทั้งระบบมีจิตใจในการบริการไม่เพียงแค่ทำงานด้วยหน้าที่ วันนี้ ฟา จะทำให้คนอื่นพูดว่า พนักงานของเราเป็นคนเปลี่ยนเมือง และทำให้มลพิษในอากาศหายไป 50% ทำให้การเดินทางมันสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทย และเราจะทำให้พื้นที่ 22 ไร่ เป็นแลนด์มาร์กใหม่ ที่ทุกคนจะต้องบอกว่าเป็นที่ที่ลงเรือได้สะดวกสบายที่สุดและสามารถเที่ยวในแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างสะดวกที่สุด
คุณฟา กล่าวถึงการขยายเส้นทางในอนาคต หลังจากที่มีหลาย ๆ แบรนด์ และหลาย ๆ ประเทศมาดูงาน เขาต้องการทำเป็นสมาร์ท ซิตี้ ฟาเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินคำนี้ แต่ทุกคนไม่เข้าใจว่า สมาร์ท ซิตี้ คืออะไร วันนี้เราไม่มีรถขนส่งสาธารณะอยู่หัวเมืองต่าง ๆ และปริมณฑล เรามีแค่ บขส.ที่วิ่งระหว่างจังหวัด และก็ส่งต่อไปให้เอกชน ที่ไม่ใช่สาธารณะ เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีแพทเทิร์น
วันนี้โลกกำลังเปลี่ยนไป เราต้องมีนโยบายใหม่ในการขับเคลื่อนใหม่ เรียกว่า PPP คือ People Public Partnershipแล้วใช้สิ่งที่เรามี วันนี้ฟากล้าพูดได้ว่า เราคือ Instant Noodles ราดน้ำร้อนแล้วหยิบไปวางทุกหัวเมืองได้เลย ประหยัดงบประมาณ ประหยัดภาษี ประหยัดเวลา นี่คือสิ่งที่กำลังเข้าไปจับมือและกำลังเข้าไปจับกับทางรัฐบาล โดย CEO ได้วางนโยบายภาพใหญ่ให้และเรากำลังเดินหน้าเรื่องนี้
ความเปลี่ยนแปลงจากรถเมล์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ตอนที่เราเป็นเด็กขึ้นรถเมล์ และกลัวรถเมล์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนตก คนก็จะแห่ขึ้นรถเมล์ และสิ่งที่คนขับรถเมล์กับคนที่อยู่บนรถเมล์ ทำคือปิดหน้าต่าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่บนรถเมล์ คือความแออัด อากาศไม่มี และเจอคนโรคจิตด้วย มันทำให้ฟาฝังใจ เวลาที่ฝนตก ฟาสวนทางกับคนอื่น ฟาเดินทางกลับบ้าน
“วันที่มาร่วมงานที่ ไทย สมายล์ บัส เรามีความคิดว่ารถเมล์เปลี่ยนไปจริง ๆ แล้วดีใจมาก เวลาไปเจอนักเรียน นักศึกษาที่ใช้รถเมล์ของเรา แสดงว่ารถเราดีพอ มีความปลอดภัย นี่คือมิติ ที่เชื่อมต่อความรู้สึก และสิ่งที่มันเกิดขึ้นว่าวันนี้รถเมล์เปลี่ยนไปจริง ๆ”
วันนี้โลกจะดีขึ้นไม่ได้ ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน และไม่ใช่ร่วมมือกันแค่มิติเดียว แต่เราต้องร่วมมือกันทุกมิติ มิติของคนที่ขึ้นรถต้องให้กำลังใจคนขับบ้าง เพื่อให้เขารู้สึกภูมิใจในชีวิตของตัวเอง และพร้อมมีกำลังใจในการให้บริการในทุก ๆ วัน มิติของคนขับก็ต้องเข้าใจผู้ขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และอีกมิติขอฝากเรื่องคนพิการ ในอดีตรถขนส่งสาธารณะไม่เคยให้โอกาสเขาได้ขึ้นรถเมล์สาธารณะ วันนี้รถเราเป็นรถชานต่ำเขามีโอกาสที่จะขึ้นรถเมล์สาธารณะเราแล้ว
“ฟาคิดว่าการที่จะทำเมืองให้น่าอยู่ เราต้องร่วมมือกันทุกมิติ เราปฎิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ แล้ววันหนึ่งเราก็ต้องเป็นผู้สูงอายุ เราต้องทำเมืองให้น่าอยู่จากการที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติและเอื้ออาทรกัน”
วันนี้ ไทย สมายล์ บัส ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ทุกการเดินทางด้วยรถเมล์ไฟฟ้ากว่า 2,350 คัน 124 เส้นทาง ครอบคลุมกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้เดินทางสะดวก ปลอดภัย และตอบโจทย์คุณภาพชีวิตของคนเมืองอย่างแท้จริง








