นายกฯลงนามตั้งคกก.ถอดบทเรียน-เตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ขีดเส้น 3 เดือน นำผลการศึกษาชงครม.เห็นชอบแนวทางป้องกันความเสียหายใหญ่อุทกภัยในอนาคต ถกนัดแรกพรุ่งนี้
วันที่ 3 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 459/2568
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย
ทั้งนี้ โดยในปี 2554 ได้เกิดมหาอุทกภัยขึ้นในภาคกลาง และในปีนี้เกิดมหาอุทกภัยขึ้นที่จังหวัดสงขลา และเกิดอุทกภัยขึ้นในภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต สมควรที่จะถอดบทเรียนเพื่อหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายมากอย่างในอดีต รวมทั้งวางแผนและมาตรการให้ความช่วยเหลือ แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบภัยหากมีเหตุทำนองดังกล่าวเกิดขึ้น ด้วยความรวดเร็ว และโดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
อาศัยอำนาจตามมาตรา 11(6) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ.2534 นายกฯ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัยขึ้น โดยมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1.นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
2.รองนายกรัฐมนตรีทุกคน รองประธานกรรมการ
ขณะที่กรรมการ ประกอบด้วย 3.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 4.ปลัดกระทรวงกลาโหม 5.ปลัดกระทรวงการคลัง 6.ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 7.ปลัดกระทรวงมหาดไทย 8.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
9.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด 10.เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 11.เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 12.อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 13.อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง 14.อธิบดีกรมชลประทาน 15.อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา 16.อธิบดีกรมทางหลวง 17.อธิบดีกรมเจ้าท่า
18.ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
19.ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา 20.อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 21.นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา 22.นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ 23.เลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 24.ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา 25.นายเสรี ศุภราทิตย์
26.นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 27.นายแก้วสรร อติโพธิ 28.นายดุสิต เครืองาม
29.นายอนุชิต อนุชิตานุกูล 30.นายพณชิต กิตติปัญญางาม 31.รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายและเลขานุการร่วม 32.รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมอบหมายและเลขานุการร่วม
และ 33.เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการ ที่ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมายจำนวนไม่เกิน 2 คน
ให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
1.ศึกษาและถอดบทเรียนจากมหาอุทกภัยที่จ.สงขลาโดยเฉพาะที่อ.หาดใหญ่
รวมทั้งมหาอุทกภัยปี 2554 เพื่อเสนอแนวทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายใหญ่จากอุทกภัยในอนาคตซึ่งรวมถึงแนวทางในการจัดทำ
(1.1) ระบบเตือนภัย ป้องกันภัย ศูนย์อพยพ ยานพาหนะ เครื่องมือเครื่องใช้ภัย
คลังอาหาร เวชภัณฑ์สำรอง และสิ่งจำเป็นอื่น
(1.2) ระบบสาธารณูปโภคที่พร้อมรับมืออุทกภัย ทั้งไฟฟ้า ประปา การโทรคมนาคม
(1.3) ระบบสาธารณสุขและโรงพยาบาลให้พร้อมรับมืออุทกภัย
(1.4) คู่มือประชาชนเพื่อรับมืออุทกภัย และจัดฝึกซ้อมจริงอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
(1.5) คู่มือเจ้าหน้าที่ในการบรรเทาอุทกภัย และตั้งศูนย์บัญชาการการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยที่มีเอกภาพ
2.ศึกษาการดำเนินการของประเทศที่มีความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติอื่น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือให้มาช่วยสร้างระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มีประสิทธิภาพ
3.นำรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอต่าง ๆ ไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง
4.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือบุคคล ให้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายหรือให้ดำเนินการแทนคณะกรรมการแล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ
5.ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายในกรณีที่กรรมการคนใดพ้นจากตำแหน่งเพราะตาย หรือลาออกให้คณะกรรมการเท่าที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
ให้คณะกรรมการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนับแต่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับและเสนอรายงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบเพื่อถือปฏิบัติต่อไป เมื่อครม.ให้ความเห็นชอบรายงานของคณะกรรมการแล้ว ให้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นำรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณากำหนดไว้ในแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติด้วย และให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการเผยแพร่ผล
การศึกษาและถอดบทเรียนจากมหาอุทกภัยให้ประชาชนทั่วไปรับทราบโดยไม่ชักช้า
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2568
โดยวันที่ 4 ธ.ค.นายกฯจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ครั้งแรก ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลเวลา 10.00 น.








