LCB1 Group ฉลองครบรอบ 30 ปี แห่งความร่วมมือและความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “พันธมิตรที่เชื่อถือได้ ท่าเรือที่ไว้วางใจ” (Trusted Partner, Trusted Port) ตอกย้ำความร่วมมือแน่นแฟ้นกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 กลุ่มบริษัท LCB1 Group (แอลซีบีวัน กรุ๊ป) หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการท่าเทียบเรือและโลจิสติกส์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งเป็นประตูการค้าทางทะเลน้ำลึกหลักของประเทศไทย และเป็นหนึ่งในท่าเรือตู้สินค้าที่มีปริมาณสินค้าผ่านท่าคับคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีแห่งความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสะท้อนเส้นทางแห่งความเชื่อมั่น ความร่วมมือ และความมุ่งมั่นที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงบนเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก
ตลอดเวลา 3 ทศวรรษที่ผ่านมา LCB1 Group ซึ่งประกอบด้วย บริษัท แอลซีบี คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล 1 จำกัด และบริษัท แอล ซี เอ็ม ที จำกัด ได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและผู้ส่งออกไทย รวมถึงสายการเดินเรือระดับโลกให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (PAT) รวมถึงหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เช่น กรมศุลกากร และกรมเจ้าท่า เพื่อให้กระบวนการโลจิสติกส์ดำเนินไปได้อย่างไร้รอยต่อ
นายคอร์ สแปงจ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท LCB1 กล่าวว่า “ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราภาคภูมิใจไม่ใช่เพียงความสำเร็จอย่างยั่งยืนของธุรกิจ แต่คือความเชื่อมั่นและความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากทุกภาคส่วน เราดำเนินงานด้วยความโปร่งใส เคารพซึ่งกันและกัน และยึดมั่นในความไว้วางใจซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร เราโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นระดับโลกอย่าง PSA และ APM Terminals ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพของท่าเทียบเรือเราให้มีมาตรฐานสากลระดับโลก ขณะเดียวกัน ด้วยการนำของ Bangkok Modern Terminal Ltd. เรายังคงรักษารากเหง้าความเป็นองค์กรของคนไทยไว้ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันเรามีพนักงานชาวไทยกว่า 98% หลายคนร่วมงานกับเรามานานกว่า 20 ปี ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมั่นคงและความผูกพันของบุคลากรต่อองค์กร”
“ผมเชื่อว่าบุคลากรคือหัวใจขององค์กร ความภักดีและความทุ่มเทของทีมงานคือพลังที่ทำให้เรามาถึงวันนี้ เราภูมิใจในความเป็นหนึ่งเดียวของทีม LCB1 Group ที่อยู่กับเรามานานและพวกเขาสามารถสืบทอดความเชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมองค์กรที่มั่นคง อบอุ่น และเปี่ยมด้วยพลัง” นายคอร์ สแปงจ์ กล่าวเสริม
ในด้านการดำเนินงาน LCB1 Group ให้บริการอย่างยืดหยุ่นและตอบโจทย์ลูกค้าที่มีความต้องการแตกต่างทั้ง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสายการเดินเรือหลัก (Main Line Operators) ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความสม่ำเสมอ และกลุ่มสายการเดินเรือในภูมิภาค (Intra-Asia) ที่ต้องการความคล่องตัว พร้อมนำนวัตกรรมมาปรับใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน และเพิ่มความรวดเร็วในการขนส่งสินค้า ทั้งยังมุ่งมั่นให้การสนับสนุนลูกค้าในการรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายต่างๆ เพื่อให้การขนส่งตู้สินค้าของลูกค้าดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
นอกจากความสำเร็จทางธุรกิจแล้ว LCB1 Group ยังยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การนำเครนล้อยางทั้งระบบไฟฟ้าและระบบไฮบริดมาใช้ ซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 70% ต่อเครื่อง การเปลี่ยนอุปกรณ์ยกขนตู้สินค้าที่พึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาด ขณะเดียวกันยังดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) อย่างต่อเนื่อง อาทิ การร่วมบริจาคสิ่งของร่วมกับการท่าเรือฯ การสนับสนุนโรงเรียนในพื้นที่ และการสร้างโอกาสการจ้างงานให้กับคนในชุมชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
“กลุ่มบริษัท LCB1 มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยสอดคล้องกับนโยบายของการท่าเรือแห่งประเทศไทยและรัฐบาลไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง คือปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว” นายคอร์ สแปงจ์ กล่าวสรุป
ในโอกาสครบรอบ 30 ปีนี้ LCB1 Group ยังคงมุ่งมั่นก้าวสู่อนาคตด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลและพลังงานสะอาด รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสถานะความเป็น “พันธมิตรที่ไว้วางใจได้” และร่วมสร้างคุณค่าให้เศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทยเติบโตต่อไปในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า








