นายกฯ อนุทิน ลงพื้นที่เสนา–ผักไห่ ตรวจน้ำท่วม รับฟังปัญหา ย้ำจ่ายเยียวยามากกว่า 9,000 บาทต่อครัวเรือน พร้อมเร่งวางแผนป้องกันน้ำท่วมระยะยาว
เมื่อวันที่ 12 พ.ย.68 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่วัดบันไดช้าง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและรับฟังปัญหา จากพี่น้องประชาชนชาวอำเภอเสนา โดยมี นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดร.สมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอำเภอเสนา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลเตรียมปรับเพิ่มงบกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยให้มากกว่า 9,000 บาทต่อครัวเรือน หลังพบว่าหลายพื้นที่ยังคงมีน้ำท่วมขังยาวนาน และประชาชนได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยปกติ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภาครัฐจะอยู่ที่ ครัวเรือนละ 9,000 บาท แต่จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการจัดสรรงบเพิ่มเติมให้ตาม ระยะเวลาที่น้ำท่วมจริง เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นธรรม และเพียงพอต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในแต่ละพื้นที่ “รัฐบาลจะไม่หยุดอยู่แค่ 9,000 บาท แต่จะดูแลต่อเนื่องตามระยะเวลาที่น้ำท่วมจริง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้จริง และกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด” ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง พร้อมยืนยันว่า “รัฐบาลไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ในยามที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติครั้งนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทุกๆ ปีรัฐบาลใช้เงินช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เป็นหมื่นล้าน ซึ่งมันก็ไม่คุ้มค่าที่ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้น จะใช้งบประมาณส่วนนั้นไปวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ให้กับพี่น้องประชาชนในระยะยาว หาทางวางแผนการจัดทำทางเดินน้ำใหม่ ให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากอุทกภัยน้ำท่วมให้น้อยที่สุด ส่วนด้านการเยียวยา จะมีการจ่ายเงินเยียวยาพี่น้องที่ถูกน้ำท่วมมานาน โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่ให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ และได้มีการแจ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อม ตลอดจนการดูแลสุขภาพและการเยียวยาหลังน้ำลด
สำหรับ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม จำนวน 17 ตำบล 138 หมู่บ้าน 11,780 ครัวเรือน และเป็นอำเภอแรก ๆ ที่เขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำท้ายเขื่อน กว่า 1,500 ลบ.ม.ต่อวินาที จะเริ่มส่งผลให้บ้านเรือนพี่น้องประชาชนถูกน้ำท่วม โดยตัวแทนชาวบ้าน ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายกรัฐมนตรี ถึงการบริหารจัดการน้ำ (กรมชลประทาน) ในพื้นที่ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยมีข้อเรียกร้อง คือ 1. ขอให้ชลประทานไม่ระบายน้ำเข้าเพิ่มในพื้นที่ ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบใกล้เคียง 2.ให้ชลประทาน บริหารจัดการน้ำที่ท่วมสูงในพื้นที่ ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม และพื้นที่ตำบลที่ได้รับผลกระทบใกล้เคียงให้ลดลงเร็วที่สุดโดยชลประทานมีหน้าที่บริหารจัดการตามข้อเรียกร้อง 3.ให้ชลประทาน ชี้แจงและแจ้งถึงการบริหารจัดการการระบายน้ำ ให้ความชัดเจน ว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในตำบลใกล้เคียงจะลดเข้าสู้ภาวะปกติ เมื่อไหร่ 4.หลังจากน้ำลดเข้าสู้สภาวะปกติแล้วให้ชลประทาน วางแผนร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ต.หัวเวียง ต.บ้านกระทุ่ม และตำบลที่ได้รับผลกระทบใกล้เคียง ให้ได้รับการระบายน้ำอย่างเป็นธรรมในปีต่อๆไปด้วยความจริงจัง
จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา พบปะและรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ให้กับพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ต.ท่าดินแดง สำหรับอำเภอผักไห่ มีพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม จำนวน 16 ตำบล 128 หมู่บ้าน 7,556 ครัวเรือน
#ภูมิภาค-44








