เอนโซ มาร์เรสก้า ผู้จัดการทีม "สิงห์บลูส์" เชลซี กำลังตกเป็นเป้าถูกตั้งคำถามอย่างหนักถึงนโยบายการหมุนเวียนนักเตะ หลังจากที่เขาตัดสินใจทำการปรับทัพครั้งใหญ่ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดล่าสุดที่บุกไปเสมอกับ คาราบัก ด้วยสกอร์ 2-2 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
ในเกมสำคัญดังกล่าว มาร์เรสก้าได้ทำการเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงถึง 7 ตำแหน่ง จากชุดที่เพิ่งเปิดบ้านเอาชนะ ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไป 1-0 เมื่อวันเสาร์ โดยมีเพียง โรเบิร์ต ซานเชซ, รีซ เจมส์, มาร์ค คูคูเรญ่า และ เชา เปโดร เท่านั้นที่ยังคงได้รับโอกาสให้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง
การปรับเปลี่ยนผู้เล่นจำนวนมากในนัดนี้ ส่งผลให้ยอดรวมการโรเตชั่นผู้เล่นตัวจริงของเชลซีในทุกรายการตลอดฤดูกาลนี้ พุ่งสูงถึง 85 ครั้ง ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากที่สุดในบรรดาทีมพรีเมียร์ลีก และทิ้งห่างทีมอันดับสองอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ทำไป 69 ครั้งอย่างชัดเจน ตัวเลขนี้จึงสร้างข้อสงสัยว่าการหมุนเวียนทีมของ มาร์เรสก้า นั้นอาจจะมากเกินความจำเป็นหรือไม่
ผลลัพธ์จากการเปลี่ยนตัวผู้เล่นที่มากเกินไปดูเหมือนจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อฟอร์มการเล่นในเกมนี้ เมื่อเชลซีทำผลงานในครึ่งแรกได้อย่างน่าผิดหวังอย่างมาก จนทำให้กุนซือรายนี้ต้องตัดสินใจเปลี่ยนตัวสำรองถึง 3 คนในช่วงพักครึ่ง ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวก็ส่งผลดีในที่สุด เมื่อ อเลฮานโดร การ์นาโช่ หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกเปลี่ยนลงมา สามารถยิงประตูช่วยให้ทีมไล่ตีเสมอได้สำเร็จ
เชลซีมีโปรแกรมพรีเมียร์ลีกนัดถัดไปในวันเสาร์นี้ โดยจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ที่เพิ่งมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีม ทำให้แฟนบอลหลายคนตั้งคำถามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า การโรเตชั่นผู้เล่นครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ในเกมยุโรปนั้นมีความจำเป็นจริงหรือไม่
5 อันดับสโมสรพรีเมียร์ลีกที่เปลี่ยนตัวจริงมากที่สุด (ทุกรายการ) มีดังนี้:
เชลซี 85 ครั้ง
ลิเวอร์พูล 69 ครั้ง
อาร์เซนอล 67 ครั้ง
เบรนท์ฟอร์ด 66 ครั้ง
ฟูแล่ม 66 ครั้ง
#เชลซี #เอนโซมาร์เรสก้า #โรเตชั่น #พรีเมียร์ลีก #UCL #ChelseaFC #พรีเมียร์ลีก








