วันที่ 6 พ.ย.68 นายศรีธรรม ราชแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเน้นย้ำให้เพิ่มมาตรการคุมเข้มตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ อ.บ้านกรวด อ.ละหานทราย และ อ.โนนดินแดง โดยการประสานความร่วมมือทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง ให้เพิ่มมาตรการในการตรวจตรา คุมเข้มป้องกันการลักลอบนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาปลอมปนหรือขายในพื้นที่ หลังจากที่มีการปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา จากผลพวงความขัดแย้งและมีการสู้รบกันเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.68 ที่ผ่านมา ทำให้ข้าวเปลือกในกัมพูชาราคาตกต่ำเหลือ กิโลกรัมละ 3-4 บาท จึงเกรงจะมีกลุ่มคนลักลอบนำข้าวจากกัมพูชาเข้ามาปลอมปนขายในพื้นที่ ซึ่งจะกระทบกับราคาข้าวในไทยให้ต่ำลงได้
ทั้งนี้ ยังได้ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน หากพบเห็นความผิดปกติ หรือกลุ่มคนที่อาจจะลักลอบนำข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังราคาตกต่ำ เข้ามาปลอมปนขายในไทย ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าทำการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งหากมีการขนย้ายข้าวเปลือกเข้าหรือออกนอกพื้นที่ตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไป ในแต่ละครั้งผู้ประกอบการหรือเกษตรกร จะต้องได้รับอนุญาตขนย้ายจากทางจังหวัด หากพบขนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้านนายฉัตรชัย นิณรัตน์ ประธานชมรมโรงสีข้าวจังหวัดบุรีรัมย์ ระบุว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีผู้ประกอบการโรงสีข้าวในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ไปเปิดลานหรือท่าข้าวเพื่อรับซื้อข้าวที่กัมพูชา แต่เท่าที่ทราบก็อาจจะมีผู้ประกอบการบางรายในบางจังหวัด ที่ทำธุรกิจส่งออกข้าวไปเปิดลานรับซื้อข้าวที่กัมพูชาแล้วแปรรูปเป็นข้าวสารส่งขายยุโรป หรืออเมริกา แต่หลังจากที่มีการปิดพรมแดนก็น่าจะไม่มีแล้ว อย่างไรก็ตาม การปิดพรมแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้ส่งผลกระทบกับราคาข้าวของไทย เพราะตลาดหลักๆ ที่รับซื้อข้าวจากไทย ก็จะเป็นอเมริกา จีน ฮ่องกง หรือสิงคโปร์ แต่เรื่องผลผลิตอาจจะน้อยลงเพราะไม่สามารถนำเข้าข้าวจากกัมพูชาได้
#ภูมิภาค-54








