ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย
ทะเลแคสเปียน เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงจากกิจกรรมการทำเหมืองและการสำรวจพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตน่านน้ำของอาเซอร์ไบจาน ซึ่งมีบริษัทจากสหราชอาณาจักรเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินการ
แม้ว่าจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ rare earth ในพื้นที่นี้ แต่ความจริงแล้วการทำเหมืองที่เกิดขึ้นเป็นการขุดแร่ทองคำ เงิน ทองแดง และการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศของทะเลแคสเปียนและประเทศเพื่อนบ้านที่ล้อมรอบ ภาพรวมของการทำเหมืองและการผลิตพลังงานบริษัทจากสหราชอาณาจักรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองในอาเซอร์ไบจานแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลัก
กลุ่มแรกคือบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่อย่าง BP (British Petroleum) ซึ่งดำเนินการสำรวจและผลิตน้ำมันในทะเลแคสเปียน และกลุ่มที่สองคือบริษัทขุดแร่อย่าง Anglo Asian Mining ที่ทำการขุดแร่ทองคำ เงิน และทองแดง ในพื้นที่บนบกริมทะเลแคสเปียน รวมเป็นการขุดแร่โลหะมีค่าและการผลิตไฮโดรคาร์บอน ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก โดยภาคการทำเหมืองคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้งบประมาณของอาเซอร์ไบจาน
ปัจจัยทางเศรษฐกิจนี้เองที่ทำให้รัฐบาลอาเซอร์ไบจานมักมองข้ามการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมเพื่อแลกกับส่วนแบ่งผลกำไรจากบริษัทต่างชาติ และไม่มีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
จนก่อให่เกิดภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นจากการรั่วไหลของน้ำมันและมลพิษทางน้ำ
ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือการรั่วไหลของน้ำมันที่เกิดขึ้นเป็นประจำจากแหล่งผลิตหลายแห่งในทะเลแคสเปียน เหตุการณ์สำคัญที่เป็นตัวอย่างชัดเจนเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2019 เมื่อเกิดการรั่วไหลของน้ำมันจากแท่นขุดเจาะของ BP ในพื้นที่ Azeri-Chirag ทำให้พื้นที่ทะเลกว่า 30 กิโลเมตรเกิดมลพิษอย่างหนัก และส่งผลให้สิ่งมีชีวิตในทะเลตายเป็นจำนวนนับหมื่นตัว
นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน 2021 ยังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่แท่นขุดเจาะก๊าซ Shah Deniz ซึ่งทำให้มีปลาตายจำนวนมากในรัศมี 20 กิโลเมตรรอบๆ บริเวณที่เกิดเหตุ เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการดำเนินงานที่ไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เพียงพอพื้นที่ปลอดออกซิเจนและการตายของสิ่งมีชีวิต
วิกฤตที่น่าตกใจมากยิ่งขึ้นเกิดในเดือนกันยายน 2023 เมื่อพบว่ามีพื้นที่ปลอดออกซิเจน (dead zone) กว่า 200 ตารางกิโลเมตรในส่วนใต้ของทะเลแคสเปียน ในพื้นที่นี้สิ่งมีชีวิตทางทะเลทั้งหมดตายหมด ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้เลย สภาวะเช่นนี้เกิดจากการสะสมของมลพิษและการขาดออกซิเจนในน้ำ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากกิจกรรมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
การตรวจวัดในบริเวณแพลตฟอร์ม Azeri-Chirag-Guneshli พบว่ามีความเข้มข้นของสารไฮโดรคาร์บอนPolycyclic Aromatic Hydrocarbons หรือ PAHs ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง สูงกว่าระดับปกติถึง 12 เท่า สารเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในทะเลเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่บริโภคอาหารทะเลจากพื้นที่นี้ด้วย
การทำลายพื้นทะเลและระบบนิเวศ กิจกรรมของบริษัทตะวันตกในน่านน้ำอาเซอร์ไบจานยังก่อให้เกิดการทำลายพื้นทะเลอย่างรุนแรง
จากการขุดเจาะหลุมใหม่และการสร้างท่อส่งและช่องทางใต้น้ำ ทำให้ดินจากพื้นทะเลหลายล้านตันลอยขึ้นมาในน้ำ ซึ่งทำลายสิ่งมีชีวิตรอบๆ พื้นที่อย่างรุนแรง
ในส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ดำเนินการของ North Caspian Operating Company consortium ที่ผลิตน้ำมันจากแหล่ง Kashagan พบว่าชีวมวลมากกว่า 90% ในพื้นที่นั้นตายไปแล้ว นี่คือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างมหาศาล ซึ่งอาจไม่สามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้อีก
ผลกระทบต่อสัตว์ป่าที่หายากวิกฤตแมวน้ำทะเลแคสเปียน แมวน้ำทะเลแคสเปียน (Caspian seal) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพียงชนิดเดียวที่อาศัยในทะเลแคสเปียน กำลังเผชิญกับภัยคุกคามอย่างร้ายแรง ประชากรแมวน้ำได้ลดลงกว่า 95% ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา และปัจจุบันมีจำนวนเหลืออยู่น้อยกว่า 70,000 ตัวเท่านั้น การลดลงอย่างรวดเร็วของประชากรแมวน้ำนี้เกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ มลพิษจากน้ำมัน การสูญเสียแหล่งอาหาร และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
ปลาสเตอร์เจียนใกล้สูญพันธุ์ ปลาสเตอร์เจียนของแคสเปียนทั้ง 5 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นแหล่งของคาเวียร์ชั้นดีที่มีชื่อเสียงระดับโลก ถูกจัดอยู่ในหมวดใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (Critically Endangered) ปลาเหล่านี้มีอายุยืนและใช้เวลานานในการเจริญเติบโตจนถึงวัยเจริญพันธุ์ ทำให้เมื่อประชากรลดลงแล้วจะฟื้นตัวได้ยาก มลพิษในทะเล การสูญเสียแหล่งวางไข่ และการจับมากเกินไปเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ปลาสเตอร์เจียนเผชิญกับความเสี่ยงสูญพันธุ์ ส่วนการทำเหมืองแร่ทองคำ เงินและทองแดงก็พบสารพิษต่างๆ เช่นสารหนูปนเปื้อนในดิน และถูกน้ำฝนชะล้างลงไปสู่แหล่งน้ำใกล้เคียงและทะเลสาบแคสเปียนอันเป็นการซ้ำเติมสภาพที่ย่ำแย่ของทะเลสาบให้เลวร้ายยิ่งขึ้น
ผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้าน ทะเลแคสเปียนถูกล้อมรอบด้วย 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย คาซัคสถาน เติร์กเมนิสถาน อิหร่าน และอาเซอร์ไบจาน การเกิดมลพิษและการทำลายสิ่งแวดล้อมในน่านน้ำของอาเซอร์ไบจานไม่ได้จำกัดอยู่เพียงพื้นที่นั้นเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบไปยังทั้งทะเลแคสเปียน เนื่องจากน้ำในทะเลมีการไหลเวียนและสิ่งมีชีวิตทางทะเลมีการเคลื่อนย้าย
ประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดได้รับผลกระทบจากการลดลงของปลาและสัตว์น้ำ ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมประมง นอกจากนี้ ชุมชนชายฝั่งที่พึ่งพาทรัพยากรจากทะเลเพื่อการดำรงชีพยังต้องเผชิญกับความไม่มั่นคงทางอาหารและรายได้ที่ลดลง การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพในทะเลแคสเปียนยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในวงกว้าง รวมถึงนกน้ำที่อพยพมาพักและหาอาหารในพื้นที่นี้
สาเหตุที่ปัญหาดำเนินต่อไป
แม้ว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะมีความรุนแรงมาก แต่กิจกรรมก็ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีการแก้ไขที่จริงจัง มีเหตุผลสำคัญคือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลที่รัฐบาลอาเซอร์ไบจานได้รับจากอุตสาหกรรมนี้ เมื่อภาคการทำเหมืองและพลังงานคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้งบประมาณ รัฐบาลจึงมีแรงจูงใจที่จะมองข้ามการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ความกดดันจากบริษัทข้ามชาติที่มีอำนาจต่อรองสูงและไม่ให้ความสนใจต่อสภาพแวดล้อมในพื้นที่ต่างชาติ อนึ่งการขาดความโปร่งใสในการดำเนินงานการติดสินบน และการขาดกลไกการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะมีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมอยู่ แต่ในทางปฏิบัติไม่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง
จากการถอดบทเรียน
วิกฤตสิ่งแวดล้อมในทะเลแคสเปียนต่อกิจกรรมการทำเหมืองและผลิตพลังงานของบริษัทจากสหราชอาณาจักรในอาเซอร์ไบจานเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้าง แม้ว่าจะไม่ใช่การขุดแร่ rare earth แต่การขุดแร่โลหะมีค่าและการผลิตน้ำมันและก๊าซก็ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาลไม่น้อยไปกว่า
โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในน่านน้ำอาเซอร์ไบจานเท่านั้น แต่ส่งผลต่อทั้งทะเลแคสเปียนและทั้ง 5 ประเทศที่ล้อมรอบ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะแมวน้ำทะเลแคสเปียนและปลาสเตอร์เจียนที่ใกล้สูญพันธุ์ เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าต้องมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ จำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศทั้ง 5 ที่ล้อมรอบทะเลแคสเปียน การบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด การเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานของบริษัทข้ามชาติ และการให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่าเทียมกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หากไม่มีการดำเนินการที่จริงจังในเร็ววันนี้ ทะเลแคสเปียนอาจกลายเป็นทะเลตายที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้อีกต่อไป
แต่ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศกับความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างความร่วมมือในการแก้ไข
ประเทศไทยจึงควรเรียนรู้และเตรียมมาตรการให้พร้อมก่อนดำเนินการทำเหมืองแร่หายากและอุตสาหกรรมถลุงแร่เพราะมันอาจสร้างหายนะแก่สิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้มากกว่ารายได้ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทยที่เกี่ยวข้องกับสามประเทศคือไทย กัมพูชา และมาเลเซีย ซึ่งไม่ได้มีการศึกษาถึงผลกระทบอย่างจริงจังตลอดมา
#ทะเลแคสเปียน #สิ่งแวดล้อม #เหมืองแร่ #พลังงานโลก #CaspianSeaCrisis








