ผู้เสียหายทยอยเปิดตัว แฉอดีตนักร้อง AF7 กับภรรยา ร่วมกันหลอกเงินเกือบ 50 ล้านบาท อ้างเอาไปใช้ชีวิตหรูหรา ทั้งจัดงานวันเกิด เช่าบ้านหรู และเที่ยวต่างประเทศ ด้านเหยื่อรายแรกสูญ 12 ล้านจนคิดสั้นเพื่อลูก ขณะที่รายอื่นเผยทวงเงินรักษาแม่กลับถูกเมิน คาดมีผู้เสียหายแห่รวมตัวเอาผิดเพิ่มอีกหลายราย
วันที่ 5 พ.ย.68 นายศุภภัทรพจน์ นิติศศธร และนางสาวพัทธ์ธีรา วารัณิธิศวร์ ทนายความ ได้พานายณัฐธิชัย กัลยา อายุ 57 ปี นักธุรกิจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พ.ต.ท.เกียรติพล น้อยพิทักษ์ พนักงานสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นักร้องชาย อดีตนักร้องหนุ่มจากเวที AF7 อักษรย่อ "น" และภรรยา นักธุรกิจ เจ้าของก๋วยเตี๋ยวกึ่งสำเร็จรูป แบรนชื่อดัง หลังสั่งผลิตซองจำนวน 1 ล้านซอง และได้แจ้งให้ผลิต 2.3 แสนซอง โดยได้ส่งของชุดแรกไป 9.8 หมื่นซอง แต่ไม่จ่ายเงิน และยังอยู่ในสต๊อกเตรียมส่งอีก 102,460 ซอง ทำให้เสียหายกว่า 2 แสนบาทเศษ แต่มาทราบภายหลังว่าเจ้าตัวได้รับเงินจาก นางฐิตารีย์ ศรีสุนทร หรือฝ้าย จำนวน 2 ล้านบาท แต่ทั้งคู่ไม่ได้นำเงินมาชำระสินค้า และมาทราบภายหลังว่ามีการนำซองออกไปบรรจุก๋วยเตี๋ยวจำหน่าย รวมถึงยังทราบว่าทั้งคู่ได้ไปบอกกับทาง นางฐิตารีย์ ว่าได้นำเงินดังกล่าวมาให้ตนเองแล้ว ทำให้เกิดความเสียหาย ในธุรกิจ
จากนั้น นางฐิตารีย์ หรือฝ้าย อายุ 42 ปี และนางเตือนใจ เลี่ยมเงิน หรือเตือน อายุ 54 ปี ได้เดินทางมาพบกับ นายณัฐธิชัย เพื่อสอบถามข้อมูลเนื่องจากคาดว่าน่าจะเป็น สองสามีภรรยา คนดังที่เคยมีการแจ้งความเอาผิดไว้แล้วที่กองบังคับการปราบปราม (กองปราบ) ซึ่งเมื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบพบว่า เป็นกรณีเดียวกันจริง ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้และมาพบว่ามีการนำเรื่องต่างๆ ซี่งเป็นเหตุการณ์เดียวกันมาสลับข้อมูลเพื่อหลอกเอาเงินไปโดยอ้างว่าจะไปหมุนเวียนในธุรกิจ แต่สุดท้ายยอดเงินที่หายไปกว่า 20 ล้านบาทที่ตรวจพบไม่มีการนำไปหมุนเวียนจริง โดยมีเจตนาที่จะไม่ดำเนินการตามที่ได้มาอ้างไว้แต่แรก
นางฐิตารีย์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนเองเสียหายไปแล้วกว่า 12 ล้านบาท จากทั้ง 2 สามีภรรยาคู่นี้ โดยเริ่มจากการได้รับประทานก๋วยเตี๋ยว ยี่ห้อดังจากการสั่งซื้อทางออนไลน์ และชื่นชอบในรสชาต จึงได้ติดมีการติดต่อเพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่าย จากนั้นได้พบ กับ เจ๊ "อ" (นามสมมติ) พร้อมอดีตสามี และได้ทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยเป็นสายจำหน่ายตลาดต่างประเทศ
นางฐิตารีย์ เล่าอีกว่า ยอดเงินที่สูญไปตอนนนี้แบ่งเป็น 4 ก้อน ประกอบด้วย 1.หลอกให้มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม เพราะมีการจัดโปรโมชั่นจากซัพพลายเออร์ เพื่อบอกว่าจะได้ส่วนลด และมีทองคำเสียหาย 2.8 แสนบาท 2.การสั่งสินค้าในจำนวนมากเพื่อได้ส่วนลดพิเศษ มูลค่า 5.25 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับสินค้า 3.การหลอกให้นำบ้านไปจำนองกับนายทุนเพื่อที่จะนำเงินไปหมุนในธุรกิจ อ้างว่าจะมาซื้อบ้านของตนเองหากขายบ้านหรูของตัวเองได้ แต่มาทราบทีหลังว่าบ้านหรูนั้นได้ขายไปแล้วและไม่ได้มีการนำเงินเข้าไปหมุนในธุรกิจ เสียหาย 4.5 ล้านบาท 4.หลอกให้รูดบัตรเครดิตหลายใบ รวม 2 ล้านบาท โดยอ้างว่าหากไม่ได้เงินจำนวนนี้จะทำให้ไม่สามารถนำเงินไปจ่ายในการซื้อวัตถุดิบได้ จึงมีความวิตกและได้ดำเนินการให้ แต่มาทราบภายหลังว่าไม่ได้มีการนำไปหมุนเวียนในระบบตามที่อ้างมา และบอกว่าจะขอใช้หนี้สินโดยการยกบริษัททั้งหมดให้ แต่ก็ไม่ทำตามสิ่งที่พูด ทุกอย่างทีหลักฐานทั้งหมด
โดยช่วงแรกของการทำธุรกิจร่วมกัน สินค้าขายดีมาก แต่มาพบสิ่งผิดปกติคือได้มีนักร้อง AF7 อักษรย่อ "น" เข้ามาในกลุ่ม และทราบภายหลังว่ามีการจดทะเบียนสมรสกัน โดยเห็นพฤติกรรมในการใช้เงินฟุ้งเฟ้อมากขึ้น ทั้งการกินเที่ยว และการใช้สินค้าแบรนด์เนม การซื้อบ้าน 2 หลังมูลค่าหลายสิบล้านบาท และการมีรถหรู 3 คัน และการท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นคือเริ่มมีการระดมเงินเข้าสู่ธุรกิจจากตัวแทนหลายคน แต่สินค้าไม่ได้ตามการแจ้งไว้ โดยเป็นความไว้ใจกันจากการทำธุรกิจด้วยกัน โดยไม่ได้ระแคะระคาย จนมาทราบทีหลังว่าโดยหลอกเงินไปเรื่อยๆ จนหมดตัวแม้กระทั่งบ้านก็กำลังจะโดนยึด
“สิ่งที่เกิดขึ้นทำ ให้เราเกิดความเครียดมาก จนถึงขั้นจะฆ่าตัวตายแต่มีญาติมาพบก่อน และทรมานกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเขาบอกให้ลาออกจากงานทั้งเราและสามี ซึ่งมีรายได้รวมกัน 6 หลักเพื่อมาลุยธุรกิจนี้ด้วยกันแต่สุดท้ายก็มาถูกหลอก วันที่เสียใจมากคือวันที่เงินหมดตัว เพราะพาลูกไปที่ร้านสะดวกซื้อแต่มีเงินติดตัวเหลือแค่ 100 กว่าบาทซึ่งไม่พอจ่ายต้องให้ลูกเอาขนมกลับไปวางคืนที่เดิม ซึ่งเรามีรายได้นับแสนบาท แต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ไม่รวมกับเรื่องที่ต้องไปชำระเงินคืนให้กับลูกทีมของเราเพราะเขาไม่ส่งสินค้าให้ เราก็ต้องแบกหนี้ไปจ่ายเงินคืนให้ลูกค้า เพราะกลัวเสียเครดิตในการทำธุรกิจ และการทวงถามคำตอบที่ได้คือ อยากได้ให้ไปฟ้องเอา” นางฐิตารีย์ เล่าทั้งน้ำตา
ด้านนางเตือนใจ บอกว่า ตนเองเป็นผู้เริ่มต้นในการทำธุรกิจรุ่นแรก โดยไปเรียนทำก๋วยเตี๋ยวออนไลน์กับ เจ๊ "อ" (นามสมมติ) โดยเมื่อเขาได้เริ่มทำแบบซอง ตนเองจึงได้รับมาขายแบบตัวแทนในประเทศรายวัน โดยจะมีการสั่งสต๊อกครั้งละ 10,000 ซอง และเมื่อได้มาพบกับทั้ง คุณณัฐธิชัย และคุณฐิตารีย์ จึงได้รู้ว่าเป็นเรื่องโกหกมาจากเรื่องเดียวกัน แต่แปลงข้อมูลเพื่อเรียกเอาผลประโยชน์ ที่ไม่ได้นำไปใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งตนเองเสียหายจากเงินที่หลอกเอาไป 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นเงินก้อนที่จะนำมาใช้ในบั้นปลายชีวิต แต่ก็สูญเสียไปแล้ว
นางเตือนใจ บอกอีกว่า ตนเองรู้สึกว่าผูกพันกับ เจ๊ "อ" (นามสมมติ) เหมือนเป็นครอบครัว เพราะเขาบอกว่าจะดูแลเราในตอนแก่เฒ่า ทำให้มั่นใจมากว่าเขาจะรักเราเหมือนที่เรารักเขา จนกระทั่งเขายืมเงินเราไปแล้ว แม่เราป่วยหนัก เราจำเป็นต้องใช้เงินในการักษาแม่ เขาก็บ่ายเบี่ยงเราโดยอ้างว่าเงินไม่พอ จะไปหายืมคนอื่นหรือนายทุนมาให้ ซึ่งสุดท้ายเราก็ไม่มีเงินในการรักษาแม่แล้ว จนกระทั่งคุณแม่มาเสียชีวิต จึงได้ติดต่อเขาไปทางไลน์ แจ้งว่าแม่เราเสียแล้ว แต่คำตอบมที่ได้รับคือข้อความ คนเราทุกคนก็ต้องตาย พี่ก็ต้องตาย เขาก็ต้องตายมันเป็นเรื่องธรรมดา นี่คือสิ่งที่รู้ว่าเขาหลอกเราไปเยอะแล้ว
"เราเริ่มติดตามพฤติกรรมเขาก็พบว่ามีการใช้ชีวิตหรูหรา โดยมีคลิบวันเกิดของนักร้องหนุ่ม ซึ่งทางฝ่ายหญิงจ้างพี่เสก โลโซมาเล่นในงานวันเกิด พร้อมมีการแจกเงินนับแสนกลางงาน และไปเที่ยวต่างประเทศดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่ประเทศอังกฤษ ตอนนี้เราขอให้เขาใช้เงินเราให้หมดแล้วจบกันจากนี้ไม่ขอพบเจอกันอีกและไม่อยากพูดถึงกัน ให้แยกย้ายกันไปหน้าก็ไม่อยากเจอแล้ว" นางเตือนใจ กล่าว
ทั้งนี้ผู้เสียหายทั้งอยากให้มีการตรวจสอบคุณภาพโรงงานที่ผลิต การประทับตราเครื่องหมายฮาลาล ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยอยากให้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินว่ามีการไหลออกไปที่ใดบ้าง ซึ่งหากนับคร่าวๆ น่าจะมีค่าเสียหายไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท และกำลังมีผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้กรณีดังกล่าว เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 68 ที่ผ่านมา ได้มีกระแส ข่าวในโซเชียล และสื่อหลัก ผ้าแพร AF7 ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า มีเพื่อนร่วมรุ่น AF7 ยืมเงินแต่ไม่คืน โดยมีคำตอบว่า อยากได้ให้ไปฟ้องเอา ซี่งเป็นประเด็นร้อนแรงที่มีการสืบค้นจากชาวเน็ตและประชาชนว่า เพื่อนคนนั้นเป็นใคร ก่อนจะมีผู้เสียหายออกมาแสดงตัว โดยมีการคะเน ว่า จะเป็นคนเดียวและกรณีเดียวกันหรือไม่
#ภูมิภาค-26








