วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 และพยากรณ์อากาศล่วงหน้า 24 ชั่วโมงว่า ประเทศไทยตอนบนจะมีปริมาณฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตาก, กำแพงเพชร, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, กาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, และนครปฐม เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงยังคงพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในขณะเดียวกัน บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวจะมีอุณหภูมิลดลงและมีอากาศเย็นในตอนเช้า จึงขอให้เกษตรกรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งประชาชนควรดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนตก รวมถึงระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ในบางพื้นที่
สำหรับสถานการณ์ในทะเล พบว่าภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขณะที่อ่าวไทยและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร แต่ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูงมากกว่า 2 เมตร จึงขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น คัลแมกี ซึ่งขณะนี้อยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลางในช่วงวันที่ 4–5 พฤศจิกายน และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 6–7 พฤศจิกายน จากนั้นมีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเป็นดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ก่อนจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบนในที่สุด
เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล คาดการณ์ว่าจะมีฝนฟ้าคะนองคิดเป็นร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 24-25 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมที่พัดเป็นลมแปรปรวน ความเร็ว 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ย้อนกลับไปในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (วัดถึงเวลา 07.00 น.) พื้นที่กรุงเทพมหานครมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยวัดปริมาณฝนรวมสูงสุดได้ที่จุดวัดสถานีคลองระหาญ เขตบางขุนเทียน สูงถึง 74.0 มิลลิเมตร รองลงมาคือถนนเทศบาลสงเคราะห์ เขตจตุจักร 65.5 มิลลิเมตร, สำนักงานเขตป้อมปราบฯ 64.0 มิลลิเมตร, ประตูระบายน้ำคลองอรชร เขตปทุมวัน 60.5 มิลลิเมตร, ศูนย์ราชการ-ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ 60.5 มิลลิเมตร, และท่าน้ำสวัสดี เขตสัมพันธวงศ์ 60.0 มิลลิเมตร ขณะที่ศูนย์ป้องกันน้ำท่วมฯ เขตดินแดง วัดได้ 14.5 มิลลิเมตร นอกจากนี้ ยังมีรายงานจุดเร่งการระบายน้ำในถนนสายหลัก โดยสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ตามที่รายงานไว้
ด้านสถานการณ์น้ำ มีการรายงานค่าระดับน้ำแนวคันกั้นน้ำด้านตะวันออกวันนี้ (4 พฤศจิกายน 2568) เวลา 07.00 น. พบว่า ประตูระบายน้ำลาดกระบัง มีระดับน้ำอยู่ที่ +0.50 ม.รทก. ซึ่งถือเป็น ระดับน้ำวิกฤติ เนื่องจากระดับวิกฤติกำหนดไว้ที่ +0.35 ม.รทก. ขณะที่ประตูระบายน้ำแสนแสบ (มีนบุรี) มีระดับ +0.66 ม.รทก. ซึ่งอยู่ในระดับน้ำเตือนภัย (ระดับวิกฤติ +0.70) ส่วนประตูระบายน้ำคลองสอง (สายใต้) มีระดับ +1.60 ม.รทก. ซึ่งอยู่ในระดับน้ำปกติ (ระดับวิกฤติ +1.80)
สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ขึ้นสูงสุดเมื่อวานนี้ (3 พฤศจิกายน 2568) สถานีสูบน้ำบางเขนใหม่ วัดได้สูงสุด +1.88 ม.รทก. เวลา 17.00 น., ประตูระบายน้ำปากคลองตลาด วัดได้ +1.70 ม.รทก. เวลา 17.00 น., และสถานีสูบน้ำบางนา วัดได้ +1.55 ม.รทก. เวลา 16.00 น. ฐานน้ำขึ้นสูงสุดแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าสถานีกองบัญชาการกองทัพเรือวันนี้ (4 พฤศจิกายน 2568) ช่วงเช้าอยู่ที่ +0.77 ม.รทก. เวลา 05:55 น. และช่วงบ่ายคาดว่าจะขึ้นสูงสุดที่ +1.09 ม.รทก. เวลา 16:18 น. ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อวานนี้ (3 พฤศจิกายน 2568) ณ นครสวรรค์ อยู่ที่ 2,673 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนที่เขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณ 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และสามโคก จังหวัดปทุมธานี มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2,031 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ด้านรายงานความเค็มสูงสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 พบว่าค่าความเค็มยังอยู่ในระดับต่ำ โดยที่ ส.แจงร้อน, ส.ดาวคะนอง, ส.บางกอกใหญ่, และ ส.เทเวศร์ วัดได้ 0.1 กรัม/ลิตร (เวลา 16.30 น. และ 16.00 น. ตามลำดับ) และที่ ส.บางเขนใหม่ วัดได้ 0.1 กรัม/ลิตร เวลา 17.00 น. โดยค่าความเค็มนี้ยังต่ำกว่าระดับที่ต้องระมัดระวังในการใช้กับพืชทั่วไป ซึ่งคือ 1.2 กรัม/ลิตร








