ในขณะที่สถานการณ์การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ "ชัตดาวน์" ได้ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 34 และกำลังจ่อทำลายสถิติเป็นภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์" ได้ประกาศมาตรการสำคัญเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพลเมือง โดยเฉพาะผู้ที่พึ่งพาโครงการสวัสดิการอาหารที่รู้จักกันในชื่อ "โครงการสแตมป์อาหาร" (SNAP)
รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) เข้าดำเนินการใช้กองทุนสำรองฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนการจ่ายเงินสำหรับโครงการ SNAP ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งถือเป็นการแก้เกมการเมืองท่ามกลางวิกฤตงบประมาณ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้ยื่นเอกสารต่อศาลเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) เพื่อยืนยันแผนการดังกล่าว โดยระบุว่า จะมีการจัดสรรเงินทุนรวม 4.65 พันล้านดอลลาร์ จากกองทุนสำรองฉุกเฉิน เพื่อใช้ในการสนับสนุนโครงการ SNAP ซึ่งเงินจำนวนนี้อาจครอบคลุมงบประมาณประมาณ 50% สำหรับครัวเรือนที่มีสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือด้านอาหาร
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นภายหลังคำสั่งของผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในรัฐโรดไอแลนด์ที่ได้สั่งให้กระทรวงฯ ต้องใช้กองทุนสำรองฉุกเฉินเพื่อดำเนินการจ่ายเงินให้กับผู้รับผลประโยชน์จากโครงการ SNAP ซึ่งเป็นโครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและผู้อดอยากที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และมีผู้ได้รับบริการสูงถึง กว่า 42 ล้านคน ทั่วประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านข้อความบนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล (Truth Social) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 ต.ค.) โดยระบุอย่างดุดันว่า "ผมไม่ต้องการให้ชาวอเมริกันต้องอดอยากเพียงเพราะพรรคเดโมแครตหัวรุนแรงปฏิเสธที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องและเปิดทำการรัฐบาลอีกครั้ง ดังนั้น ผมจึงสั่งการให้ทนายความของเราสอบถามศาลเพื่อขอความชัดเจนว่า เราจะสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับ โครงการ SNAP ได้หรือไม่"
ขณะนี้ สถานการณ์การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ย่างเข้าสู่วันที่ 34 แล้วในวันจันทร์ ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ที่จะเห็นวุฒิสภาสหรัฐฯ อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เนื่องจากยังคงไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน โดยภาวะชัตดาวน์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจชาติ การบริการภาคสาธารณะ และสั่นคลอนความเชื่อมั่นของชาวอเมริกันเป็นอย่างยิ่ง
#ทรัมป์ #ชัตดาวน์สหรัฐ #สแตมป์อาหาร #SNAP #การเมืองสหรัฐ #งบประมาณสหรัฐ #โดนัลด์ทรัมป์








