ร่างของสาววัย 31 ปีที่ถูกแฟนหนุ่มชาวกัมพูชา ฆ่าแล้วฆ่าตัวเองตายภายในห้องที่คอนโดฯแห่งหนึ่งที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กทม. ร่ำไห้ด้วยความเสียใจ หลังรับร่างของลูกสาวที่ไร้วิญญาณ ระบุอยากให้เลิกนานแล้วเพราะเขาเป็นต่างด้าว ขณะผู้ใหญ่บ้านชี้ไม่กลับกัมพูชา แถมยังมาฆ่าคนไทยไม่สำนึกบุญคุณ
วันที่ 4 พ.ย.68 หน่วยกู้ภัยร่วมกตัญญูได้นำร่าง น.ส.รัตนาภรณ์ หรือเอ๋ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี มาส่งที่วัดป่าบ้านโคกเกลา (ธ) อ.ประโคนขัย จ.บุรีรัมย์ เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา (3 พ.ย.68) หลังจากถูกแฟนหนุ่มชาวกัมพูชา ฆ่าเสียชีวิตแล้วแฟนหนุ่มผูกคอตายตาม เหตุเกิดที่บ้านพักอาศัยในคอนโดฯ แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.68 กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีความผิดปกติมีกลิ่นออกจากจากห้อง เมื่อวันที่ 2 พ.ย.68 ที่ผ่านมา
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจให้กับครอบครัวน้องเอ๋ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนางจุฑารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี แม่ของน้องเอ๋ ได้แต่ร่ำไห้เสียใจระหว่างรับร่างของน้อง โดยนางจุฑารัตน์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวว่าไปคบกับแฟนชาวกัมพูชา ตนไม่พอใจเพราะไม่ใช่คนบ้านเรา ยิ่งตอนที่เกิดเหตุความไม่สงบชายแดน ยิ่งอยากให้ลูกสาวเลิกกัน รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
นายกอบโชค เนาว์ประโคน อายุ 53 ปี อดีตกำนันตำบลโคกมะขาม เล่าว่า ครอบครัวนี้มีลูก 2 คน มีฐานะค่อนข้างยากจน แต่ก็ส่งลูกสาวคนเล็กที่เสียชีวิตจนเรียนจบระดับปริญญาตรี อุสาห์ดิ้นรนไปหางานทำที่กรุงเทพฯเพื่อส่งเงินกลับมาบ้าน ดูแล้วน่าเวทนาเป็นอย่างมาก
ด้านนางปารณีย์ ศรีแก้ว อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.โคกมะขาม กล่าวว่า จริงแล้วไม่อยากเอาเรื่องชายแดนมาเกี่ยวข้อง แต่ฝ่ายชายจะต้องกลับประเทศแต่กลับไม่ยอมกลับกัมพูชา ถ้ากลับไปเหตุการณ์คงไม่เกิดขึ้น อยากจะฝากถึงชาวต่างด้าวทุกคนที่มาอาศัยอยู่ประเทศไทยควรจะสำนึกบุญคุณประเทศเขาบ้าง หางานได้เงินส่งกลับบ้านตัวเอง อย่ามาทำแบบนี้กับคนไทยอีก
#ภูมิภาค-55







