สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68) รายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดทำการในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (31 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนกำลังประเมินทิศทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน สามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อ หยุดพักสงครามการค้า ได้สำเร็จ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงในข้อตกลงชั่วคราวด้านการค้าระหว่างการประชุมสำคัญในประเทศเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดระดับความตึงเครียดที่เกิดจากข้อพิพาทเรื่องแร่หายาก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมุ่งหน้าสู่การเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็มีมติให้ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ไว้ตามที่ตลาดคาดการณ์ในการประชุมเมื่อวานนี้ นับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังคงอยู่ที่ระดับ 2.00% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% และอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.15%
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความบน Truth Social เมื่อวานนี้ โดยระบุถึงความสำเร็จอย่างสูงในการเดินทางเยือนเอเชียครั้งนี้ รวมถึงการเจรจาที่ราบรื่นและมีความคืบหน้าในหลายประเด็นกับผู้นำจีน "ผมมีการพบปะที่ยอดเยี่ยมกับท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประเทศของเรามีความเคารพระหว่างกันเป็นอย่างมาก และสิ่งนี้จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น เราได้ตกลงกันในหลายประเด็น และในบางเรื่องซึ่งมีความสำคัญสูง เราก็ใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว" นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ยังแสดงความมั่นใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่แข็งแกร่งและจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับญี่ปุ่น โดยระบุว่า "ผมมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นว่า มิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่ง เจริญรุ่งเรือง และในไม่ช้านี้จะยิ่งใหญ่มากกว่าที่เคยเป็นมา!"
ในส่วนของตลาดทุน ผลสำรวจของสมาคมนักลงทุนรายย่อยอเมริกัน (AAII) เผยว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นต่อทิศทางของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยมีนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเป็น 44.0% จากระดับ 36.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 37.5%
อย่างไรก็ตาม ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้รับแรงกดดัน เมื่อ บิตคอยน์ร่วงลงหลุดระดับ 110,000 ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ หลังจากที่ เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ออกมาเตือนถึง ความไม่แน่นอนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมเดือนธ.ค. ส่งผลให้ ณ เวลา 23.39 น. ตามเวลาไทย บิตคอยน์ร่วงลง 2.41% สู่ระดับ 108,052.03 ดอลลาร์ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์ม Coin Metrics
การแสดงความเห็นของประธานเฟดดังกล่าว ทำให้นักลงทุนพากันลดน้ำหนักการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยพาวเวลชี้ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ยังไม่ใช่สิ่งที่รับประกันว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากเฟดได้รับผลกระทบจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือ ชัตดาวน์ ซึ่งทำให้การเปิดเผยรายงานเศรษฐกิจบางส่วนหยุดชะงักลง และเจ้าหน้าที่เฟดทั้ง 19 รายในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนข้อมูลเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) เนื่องจาก การปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ส่งผลให้การเผยแพร่ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสามต้องหยุดชะงัก ทำให้ผู้กำหนดนโยบาย สถาบันการเงิน และภาคธุรกิจต้องตัดสินใจโดยขาดข้อมูลสำคัญประกอบการพิจารณา โดยเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เลื่อนการเปิดเผยรายงานเศรษฐกิจไปหลายรายการแล้ว เช่น ข้อมูลการจ้างงาน การค้า และยอดค้าปลีก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้เรียกพนักงานบางส่วนกลับมาทำงานเฉพาะกิจเพื่อจัดทำรายงานเงินเฟ้อซึ่งจำเป็นต่อการคำนวณการจ่ายเงินประกันสังคม
ข้อมูลและเหตุการณ์เศรษฐกิจสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามในวันนี้ (31 ต.ค.) มีดังนี้:
เกาหลีใต้: การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
ญี่ปุ่น: อัตราว่างงานเดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.ของกรุงโตเกียว, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
ออสเตรเลีย: ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ไตรมาส 3/2568
จีน: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนต.ค.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ
เยอรมนี: ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.
อังกฤษ: ราคาบ้านเดือนต.ค.จากเนชันไวด์
ฝรั่งเศส: อัตราเงินเฟ้อขั้นต้นเดือนต.ค.
อียู: อัตราเงินเฟ้อขั้นต้นเดือนต.ค.
สหรัฐฯ: ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย.
#สงครามการค้า #สหรัฐจีน #ตลาดหุ้นเอเชีย #ECB #อัตราดอกเบี้ย #Bitcoin #เฟด #เจอโรมพาวเวล #เศรษฐกิจโลก #การลงทุน








