Synology ชี้โลกเข้าสู่ยุค Data Boom คาดปริมาณข้อมูลพุ่งทะลุ 175 Zettabytes ภายในปี 2025 และจะเพิ่มอีกกว่า 10 เท่าภายใน 10 ปีข้างหน้า พร้อมเผยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็น Digital Hub ของโลก ด้วยมูลค่าการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล 30.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าองค์กรอีก 200% ภายใน 5 ปี หลังสร้างยอดขายเติบโต 250% ใน 5 ปีที่ผ่านมา
นางสาวธัชวรรณ ชินชนากานต์ หัวหน้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด หรือ Synology กล่าวว่า โลกกำลังก้าวสู่ยุค Data Boom คาดว่าภายในปี 2025 ปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะสูงถึง 175 เซตตะไบต์ (Zettabytes) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า ภายในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งบังคับให้องค์กรทุกขนาดต้องเตรียมโครงสร้างทั้งการจัดเก็บ การปกป้อง และการใช้ข้อมูลเชิงประโยชน์ ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็น Digital Hub ที่นักลงทุนให้ความสนใจ ซึ่งคาดว่ามูลค่าตลาดศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคจะเพิ่มจาก 13.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2024) เป็น 30.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2030) ท่ามกลางแนวโน้มนี้ Synology วางไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์หลักเนื่องจากการเติบโตโดดเด่นในภาคอุตสาหกรรม การศึกษา และภาครัฐ
“ปัจจุบันSynology ได้รับการยอมรับในฐานะแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลที่เป็นที่เชื่อถือในวงการไอทีระดับโลก จำนวนการติดตั้งกว่า 14 ล้านระบบทั่วโลก และประสบการณ์ในการปกป้องข้อมูลให้แก่ 25 ล้านหน่วยงาน เชื่อมต่ออุปกรณ์กล้องกว่า 2 ล้านตัว รวมไปถึงคะแนน 4.7 จาก 5 คะแนนเต็ม จาก Gartner Peer Insights และได้รับการยกย่องใน 2025 Gartner™ Voice of the Customer (Primary Storage Platforms) ปัจจุบัน Synology ดำเนินงานในกว่า 120 ประเทศ และได้รับความไว้วางใจจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทใน Fortune 500” นางสาวธัชวรรณ กล่าว
นายรหัท บุญตันจีน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้ม Digital Transformation ผลักดันให้ 90% ของธุรกิจทั่วโลกเร่งลงทุนด้านดิจิทัล ขณะที่องค์กรไทยต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณและข้อกำหนด PDPA ทำให้ตลาดต้องการโซลูชันที่คุ้มค่า ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด เช่น การเงิน การแพทย์ และการศึกษา ที่จำเป็นต้องมีระบบสำรองข้อมูล (Backup) และฟื้นฟูหลังเหตุการณ์ (Disaster & Cyber Recovery) ที่พร้อมรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ในขณะที่ผลสำรวจพบว่ากว่า 55% ขององค์กรเคยเผชิญการโจมตี แต่มีเพียง 22% เท่านั้นที่มั่นใจในระบบการกู้คืน(recovery) ของตน
ในตลาดประเทศไทย Synology นำเสนอโซลูชัน Data Infrastructure Management ที่รวมทั้งการจัดเก็บ (Storage), เครื่องมือการทำงานร่วมกัน (Business Productivity), การปกป้องข้อมูล (Backup & Protection), และ ระบบเฝ้าระวังแบบทั้ง on-premise และบน Cloud (C2 Surveillance), ซึ่งนอกจากจะช่วยลดจำนวนผู้ให้บริการหลายรายและ subscription plan ที่ยุ่งยากแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนการบริหาร เพิ่มความคล่องตัวในการจัดการแอปพลิเคชันทั้งหมดจากแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้องกรค์สามารถปฏิบัติตามกฎข้อบังคับที่จำเป็นต่าง ๆ (regulation ) และเพิ่มศักยภาพการกู้คืนข้อมูลทั้ง Disaster & Cyber Recovery
นายรหัท กล่าวอีกว่า เมื่อต้นปีนี้ Synology ได้เปิดตัว Active Protect อุปกรณ์สำรองข้อมูล (backup appliance) สำหรับองค์กรที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อปกป้อง workload หลากหลายรูปแบบ และ หลาย site โดยมีรุ่นต่าง ๆ ให้เลือกตั้งแต่ความจุ 8TB ถึง 140TB เพื่อตอบโจทย์สถานการณ์ขององค์กรที่แตกต่างกัน พร้อมมอบการสำรองข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขได้ (immutable backups), ความสามารถในการแยกระบบ (air-gap), และการรองรับข้อกำหนดด้านกฎหมาย ซึ่งช่วยสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งต่อภัยคุกคามไซเบอร์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Synology ยังเปิดตัว PAS7700 ระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กรแบบ All-NVMe รุ่นแรกของบริษัท มอบประสิทธิภาพสูงสุดด้วยสถาปัตยกรรม NVMe ครบวงจร สามารถทำงานได้ถึง 2 ล้าน IOPS และ 30 GB/s throughput โดยมีความหน่วงต่ำกว่า 1 มิลลิวินาที Active-Active Architecture ช่วยให้ระบบพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมกับความสามารถในการ เข้ารหัส (Encryption) ที่แข็งแกร่ง และ ประสิทธิภาพระดับองค์กรทำให้ PAS7700 เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับงานสำคัญระดับ Mission Critical
นอกจากนี้ Synology เตรียมนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Synology Office Suite ครอบคลุมฟีเจอร์อย่าง OCR (Optical Character Recognition), Semantic Search ระบบค้นหาอัจฉริยะที่เข้าใจความหมายของข้อความ, การสรุปข้อความและเนื้อหา, และการแปลแบบ real-time โดยฟีเจอร์เหล่านี้จะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร (on-premise) เพื่อให้ข้อมูลสำคัญยังคงเป็นส่วนตัว พร้อมมอบวิธีการทำงานร่วมกันที่ชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น
โดยเป้าหมายถัดไปของอSynology ในไทยคือ การขยายฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ให้เติบโตอีก 200% ภายใน 5 ปี หลังมียอดขายเติบโต 250% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมพัฒนา NAS หลายซีรีส์รองรับงานเฉพาะทาง ได้แก่ DP Series สำหรับการสำรองและปกป้องข้อมูล PAS Series สำหรับงาน Mission-Critical ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง และ DVA Series รองรับงานวิเคราะห์ด้วย AI ในระบบเฝ้าระวัง
นายรหัท กล่าวว่า Cyber Resilience หรือ ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ ได้กลายเป็นกลยุทธ์หลักขององค์กรทั่วโลก เพราะเป็นรากฐานของทั้งความต่อเนื่องทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด การมีระบบที่สามารถปกป้องและบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น องค์กรไทยกำลังมองหาโซลูชันที่ ปลอดภัย ใช้งานง่าย และสามารถบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง โดยไม่ต้องพึ่งพาหลายผู้ให้บริการ ซึ่งตรงกับแนวทางที่ Synology พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบระบบจัดการข้อมูลแบบครบวงจรให้ธุรกิจไทยสามารถขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคง
ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับศักยภาพขององค์กรไทยให้ พร้อมรับมือยุค Data Boom อย่างเต็มศักยภาพ Synology ยังคงเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยีที่ เรียบง่าย ปลอดภัย และยืดหยุ่น เพื่อช่วยให้ทุกองค์กรสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว








