วันที่ 28 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรม ของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. หลังจากที่คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เป็นประธาน ได้พิจารณาแล้วเสร็จและเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาให้พิจารณารายละเอียดและลงมติ ทั้งนี้ในการพิจารณาดังกล่าว ได้ใช้พิจารณาเป็นการลับ โดยได้ใช้เวลาประชุมลับ นานกว่า 5 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมได้กลับมาพิจารณาโดยเปิดเผยอีกครั้งเมื่อเวลา 14.42 น. โดยนายมงคล แจ้งต่อที่ประชุมตอนหนึ่งว่าเสียงข้างมากเห็นว่ากรณีเรื่องร้องเรียนของน.ส.นันทนา ฐานะผู้ถูกร้อง ได้มีการกระทำเป็นอันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม ของวุฒิสภา และกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 14 18 24 29 และ 31 เนื่องจากวางตนไม่เป็นกลาง มีอคติกับกลุ่มอาชีพ และดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกี่ยวกับความเป็นอาชีพของบุคคลอื่น ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพ ส่วนบุคคล และเสียดสี สว. บุคคลอื่น อันเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งวุฒิสภาของตน และไม่เคารพ ไม่ปฏิบัติตามการประชุมวุฒิสภา คณะกรรมการจริยธรรมได้พิจารณาจากพฤติกรรม เจตนา ตำแหน่ง และความสำคัญของตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ อายุ ประวัติ ความประพฤติ มูลเหตุจูงใจ และสภาพแวดล้อมแห่งกรณีของน.ส.นันทนา เห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 มาตรา 27 มาตรา34 50 (3) และ (6) และมาตรา 107
นายมงคล กล่าวต่อว่าสำหรับการลงมติดังกล่าวหากที่ประชุมเห็นด้วยกับรายงานของกรรมการจริยธรรม ให้ใช้การลงคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 99 เสียง และในกรณีที่เห็นด้วยว่าเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ต้องส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 หรือ 119 คะแนนขึ้นไป
จากนั้นที่ประชุมได้ใช้การลงคะแนนเป็นการลับ ผ่านเครื่องออกเสียงลงคะนนน โดยผลปรากฎว่า มติของวุฒิสภา 131 เสียง เห็นว่าเป็นการกระทำฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมของสว. ต่อคะแนนเสียงไม่เห็นด้วย 25 เสียง งดออกเสียง 13 เสียง ซึ่งหลังจากการลงคะแนนแล้วพบว่ามีการทักท้วงการลงคะแนนว่าไม่การลับเพราะมีการแสดงผลการลงคะแนนผ่านหน้าจอในห้องประชุม แต่นายมงคลยังให้ดำเนินการลงมติต่อไป
จากนั้นนายมงคล ได้แจ้งที่ประชุมลงมติอีกครั้งว่าเห็นว่าเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ อย่างไรก็ดีก่อนการลงมติมีข้อทักท้วงว่าระบบการลงคะแนนไม่เป็นไปโดยลับ ทำให้นายมงคลแจ้งให้เจ้าหน้าที่รีเซ็ตระบบลงคะแนนอีกครั้ง โดยขอพักการประชุม 15 นาที
ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง โดยนายมงคลแจ้งว่า ขอให้ลงมติในทั้ง 2 ประเด็นใหม่อีกครั้ง โดยในประเด็นที่ว่าจะเห็นชอบกับผลของรายงานตรวจสอบจริยธรรมหรือไม่ มติที่ประชุมเสียงข้างมาก 130 เสียงเห็นชอบ ต่อเสียงไม่เห็นชอบ 23 เสียง ทั้งนี้มีผู้งดออกเสียง 11 เสียง และไม่ลงคะแนน 2
ต่อจากนั้นได้ลงมติว่าจะเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ โดยมติเสียงข้างมาก 130 เสียงเห็นด้วย ต่อคะแนนไม่เห็นด้วย 26 เสียง และงดออกเสียง 11 เสียง ทั้งนี้มีผู้ไม่ลงคะแนน 2 เสียง จากนั้นนายมลคล กล่าวว่า ถือว่าที่ประชุมลงมติ 3 ใน 5 เสียงของสว.ที่มีอยู่ หรือ 119 คะแนนถือว่าสว.มีมติว่า น.ส.นันทนา กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังจากนี้ ตนจะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการส่งเรื่องให้ที่ประชุมพิจารณากรณีผิดจริยธรรม และให้ถือว่าเป็นการผิดจริยธรมร้ายแรงในกรณีของน.ส.นันทนานั้น ถือเป็นเคสแรกของสว.ชุดปัจจุบัน ส่วนกรณีที่ประชุมวุฒิสภาใช้เวลาพิจารณานานนั้น เนื่องจากเปิดเวทีให้น.ส.นันทนา รวมถึงฝ่ายที่ตรวจสอบ น.ส.นันทนาได้ชี้แจงในรายละเอียดตามประเด็นที่ถูกร้องเรียน นอกจากนั้นแล้วพบว่ามีประเด็นที่ขอให้สว.พักการลงมติดังกล่าวไว้ก่อน เนื่องจากเป็นกรณีเดียวกันที่มีการฟ้องร้องที่ศาล ซึ่งขณะนี้กระบวนการพิจารณายังไม่สิ้นสุด








