วันที่ 28 ตุลาคม 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงความคืบหน้าสำคัญ 2 ส่วน คือ การบริหารจัดการพื้นที่สนามหลวงเพื่อบริการประชาชน และการปรับปรุงการจราจรในพื้นที่สำคัญ
ในส่วนของการบริหารจัดการพื้นที่สนามหลวงเพื่อบริการประชาชนที่มาถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวังนั้น ปัจจุบันได้มีการขยับจุดพักคอยไปอยู่ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีการจัดเตรียมเตนท์พักคอย พร้อมอาหารพระราชทานและน้ำดื่มบริการประชาชน ก่อนที่ประชาชนจะเข้าอุโมงค์ใต้ดินเพื่อเดินทางไปถวายสักการะฯ ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.
ส่วนการเปิดให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ กราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จะเริ่มต้นในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป โดยจะเปิดให้เข้าทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น. จนถึง 21.00 น.
ด้านการเดินทางมายังพื้นที่ กทม. ได้จัดรถบริการรับส่งหลายจุด สำหรับรถไฟฟ้า MRT นั้น มีบริการรับส่งที่สถานีท่าพระ สถานีสามยอด และสถานีสนามไชย ซึ่งผู้ที่เดินทางมายังสถานีสนามไชยควรออกประตู 1 เนื่องจากเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด ส่วนบริการรถไฟฟ้า BTS มีจุดรับส่งที่สถานีสยามสแควร์ และสถานีวงเวียนใหญ่ ขณะที่บริการทางเรือ จุดหลักจะอยู่ที่ท่าวังหลัง-ท่าช้าง
สำหรับการดำเนินงานด้านต่าง ๆ กทม.ได้จัดเตรียมเต็นท์พักคอยบริการประชาชน ขนาด 8x300 เมตร จัดเก้าอี้นั่งพักคอยรองรับประชาชน 3,000 ตัว และยังมีพื้นที่สามารถเพิ่มเติมได้อีก 3,000 ตัว จัดเตรียมวีลแชร์ 30-40 ตัว อำนวยความสะดวกผู้พิการและผู้สูงอายุ จัดให้มีสุขาสำหรับผู้พิการและรถสุขาเคลื่อนที่ จำนวน 9 คัน ประกอบด้วย จุดตรงข้ามวัดมหาธาตุ 4 คัน จุดถนนหับเผย (ข้างศาลหลักเมือง) จำนวน 2 คัน จุดพระแม่ธรณีบีบมวยผม 3 คัน พร้อมประดับต้นไม้บังบริเวณรอบรถสุขาทุกคัน มีจุดทิ้งขยะอย่างพอเพียง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการเก็บขยะและแนะนำการแยกขยะทั่วพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่สื่อสารภาษาต่างประเทศ ช่วยให้ข้อมูลแก่ชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ด้านความปลอดภัย จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกทั่วพื้นที่ มีการติดตั้งกล้อง CCTV 200 ตัว จัดจุดบริการทางการแพทย์ 3 จุด อยู่บริเวณด้านล่างอุโมงค์พระลาน 1 จุด และด้านบนสนามหลวง 2 จุด อีกทั้งมีทีมแพทย์พยาบาลเดินตรวจตราดูแลด้านสุขภาพประชาชนสม่ำเสมอ พร้อมจัดเตรียมรถพยาบาลฉุกเฉิน และรถดับเพลิง 3 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ ประจำศูนย์ใกล้เคียงโดยรอบ
มีบริการให้ยืมผ้าถุง สำหรับสุภาพสตรีโดยกรุงเทพมหานคร ได้จัดให้มีขั้นตอนดังนี้ 1.ผู้รับบริการยื่นบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ในการลงทะเบียน ณ จุดยืมผ้าถุง อุโมงค์หน้าพระลาน 2.เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนและส่งคืนบัตรประชาชน/พาสปอร์ต ให้ผู้รับบริการ 3.ผู้รับบริการคืนผ้าถุง ณ จุดคืนผ้าถุง บริเวณทางออกประตูวิมานเทเวศร์
การบริการด้านการเดินทาง ขสมก. บริการฟรี จัดรถเชื่อมต่อสถานีขนส่งและจุดสำคัญ 8 เส้นทาง มุ่งสู่สนามหลวง คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สายใต้ใหม่ สถานีหัวลำโพง สถานีเอกมัย บางใหญ่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน สถานีขนส่งผู้โดยสาร (หมอชิต 2) Shuttle Bus สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ท่าพระ สนามไชย สามยอด และสายสีเขียว สยาม วงเวียนใหญ่ รวม 19 คัน และเชื่อมต่อเรือโดยสารท่าเรือสะพานผ่านฟ้า 2 คัน และเส้นทางปกติผ่านสนามหลวง จำนวน 18 เส้นทาง
ในส่วนความคืบหน้าการจัดการจราจรย่านสะพานกรุงธน (ซังฮี้) เพื่อรองรับการเปิดเทอมและทดแทนการใช้ถนนสามเสนที่ยังไม่เปิดการจราจรตามปกตินั้น นายชัชชาติได้แจ้งปรับปรุงแผนการจราจร โดยปัจจุบัน กทม. ได้จัดรถบริการรับส่งเฉพาะกิจจำนวน 7 คัน โดยบริการทุก 20 นาที จุดรับส่งจะอยู่ที่บริเวณร้านออฟฟิศเมท สาขา สิรินธร รวมถึงสถานีรถไฟฟ้า MRT บางพลัด และ MRT สถานีสิรินธร (ให้ผู้โดยสารออกประตู 1 แล้วเดินไปขึ้นรถที่หน้าตลาดกรุงธน) โดยบริการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรับผู้โดยสารจากฝั่งธนบุรีข้ามมายังย่านสามเสน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนในย่านนี้ทั้งหมด
สำหรับช่วงเวลาการจราจรที่แยกซังฮี้ ช่วงก่อนเวลา 09.00 น. ผู้ที่ลงจากสะพานซังฮี้ถึงแยกซังฮี้ สามารถตรงต่อไปหรือเลี้ยวขวาได้สองเลนตามสัญญาณจราจร ส่วนช่วง 14.00-17.00 น. จะมีการปรับลดเหลือเลนเดียว แต่ยังสามารถตรงหรือเลี้ยวขวาได้เช่นกัน สำหรับการจราจรอื่น ๆ ในพื้นที่ การเลี้ยวซ้ายไปถนนขาวสามารถใช้งานได้ตามปกติ และการเลี้ยวซ้ายที่แยกซังฮี้จะสามารถผ่านตลอด
นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้ปรับปรุงการจราจรเพื่อเพิ่มความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเพิ่มความปลอดภัยในการข้ามทางม้าลายจุดต่าง ๆ ที่บริเวณแยกซังฮี้ การเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง การตีเส้นการจราจรที่ชัดเจน และการขนย้ายสิ่งกีดขวางเพื่อขยายถนนให้รถวิ่งสะดวกขึ้น พร้อมยืนยันว่า กทม. จะมีการประชุมเพื่อปรับปรุงแผนการจราจรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความคล่องตัวสูงสุด








