นักวิชาการธรรมศาสตร์แนะรัฐบาลใช้เวที 'ASEAN Summit – APEC' ประกาศจุดยืนให้ 'ไทย' พร้อมเป็น 'HUB ปราบสแกมเมอร์ระดับโลก' ชวนนานาชาติร่วม 'ลงขัน' ระดมงบประมาณและเทคโนโลยีแก้ไขอาชญากรรมข้ามชาติ
ดร.ไพบูลย์ ปีตะเสน อาจารย์ประจำศูนย์เกาหลีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า นอกเหนือจากที่ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ที่ประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา (IPU) มีมติบรรจุร่างข้อมติว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์แล้ว ประเทศไทยซึ่งมีภูมิประเทศใกล้ชิดกับกัมพูชา ควรต้องแสดงบทบาทการเป็นศูนย์กลางการแก้ไขปัญหานี้ด้วย
โดย ดร.ไพบูลย์ ชี้ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทย สามารถใช้โอกาสจากการประชุม 2 เวทีใหญ่ระดับนานาชาติในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อประกาศจุดยืนความพร้อมเป็นฮับ (HUB) ในการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ ได้แก่ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 47 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 26 – 28 ต.ค. 2568 และ การประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ณ เมืองคยองจู เกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 29 ต.ค. - 1 พ.ย. 2568 ซึ่งคาดว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีประเทศจีน จะเข้าร่วมด้วย
สาระสำคัญคือการประกาศว่าไทยพร้อมรับการสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ จากนานาชาติ ทั้งงบประมาณ บุคลากร เทคโนโลยี องค์ความรู้ รวมถึงการสนับสนุนหากนานาชาติประสงค์จะตั้งศูนย์ปราบปรามต่อต้านสแกมเมอร์โดยใช้พื้นที่ของไทย “ประเทศไทยควรจับมือกับเกาหลีใต้ เพราะเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งจีนและอเมริกา เราควรเสนอกับเกาหลีใต้ว่า ยินดีที่จะเป็นเซ็นเตอร์หรือเป็นฮับ (HUB) ในการบริหารจัดการปัญหาสแกมเมอร์ เชื่อว่าถ้าเราประกาศออกไปแบบนี้ ทุกประเทศพร้อมจะลงขันแน่นอน” ดร.ไพบูลย์ ย้ำ และกล่าวเสริมว่าการดำเนินการนี้ไม่เกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แต่เป็นการ จู่โจมสแกมเมอร์ ร่วมกันในระดับโลก
ประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับคือ ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในเวทีโลก เพราะไทยเคยเป็นฐานที่ตั้งของสแกมเมอร์มาก่อน (กรณีก๊กอาน) และมีข่าวว่าสแกมเมอร์กำลังหนีเข้าฝั่งไทย การประกาศตัวเป็น HUB จะก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในเวทีนานาชาติว่าไทยเอาจริงเอาจังและไม่เป็นส่วนหนึ่งของสแกมเมอร์อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังถือเป็นการประกาศความเอาจริงเอาจังให้แก่คนไทยที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ให้หยุดการกระทำ เพราะการกวาดล้างครั้งนี้คือความร่วมมือระดับโลก สาเหตุที่มั่นใจว่าหลายประเทศจะสนับสนุน เนื่องจากปัญหาสแกมเมอร์กระทบและเป็นปัญหาระดับโลก ทุกประเทศเดือดร้อน เช่น ญี่ปุ่นและยุโรปกำลังจะคว่ำบาตรกัมพูชา
สำหรับประเทศไทย สถานการณ์ท่องเที่ยวกำลังได้รับผลกระทบเชิงลบ พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงฤดูหนาว แจ้งยกเลิกการเดินทางไปแล้วราว 65% เนื่องจากมีความกังวลและหวาดวิตกเรื่องความปลอดภัย โดยมองว่ามีความเสี่ยงทุกพื้นที่ในภูมิภาค ไม่ได้มองแค่ที่ประเทศกัมพูชาเท่านั้น ดร.ไพบูลย์ ประเมินว่าเกาหลีใต้มีท่าทีจะคว่ำบาตรกัมพูชา ซึ่งจะส่งผลให้กัมพูชาไม่ได้รับความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA) จำนวนมากจากเกาหลีใต้ และนักท่องเที่ยวเกาหลีเรือนแสนได้ยกเลิกทริปส์ไปกัมพูชาจนถึงสิ้นปีแล้ว ไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์การสื่อสารในเวทีระหว่างประเทศว่าไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาด้วย
#ไทยฮับปราบสแกมเมอร์ #ASEANSummit #APEC #กู้ชื่อเสียงประเทศไทย #สแกมเมอร์ #อนุทิน #อาชญากรรมไซเบอร์ #ข่าวไวรัล #SaveThailandTourism








