วันที่ 24 ต.ค.68 พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า ในส่วนของกองทัพอากาศ ได้นำเสนอ ในที่ประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ แนวทางในการปฏิบัติ เพื่อรับมือไปคุกคามด้านตะวันออก
โดยเจตนารมณ์ของ พลอากาศเอกเสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ ไม่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติการ คือ การที่เราสามารถใช้กำลังทางอากาศและการสนับสนุนกำลังรบของกองทัพไทย ซึ่งอยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศชาติ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยุติการใช้กำลังต่อฝ่ายไทย และพลเรือนโดยเร็ว
ทั้งนี้ มีการเตรียมกำลังทางอากาศเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการรบของกองทัพไทยในการบูรณาการกำลังรบ เพื่อก่อให้เกิดการได้เปรียบในการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายไทย ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ
1.ต้องไม่เกิดการสูญเสียต่อพลเรือนทั้งสองฝ่าย
2.ต้องไม่มีการโจมตีฝ่ายเดียวกัน
3.ต้องไม่สูญเสียกำลังทางอากาศในการปฏิบัติภารกิจ
โดยมีการกำหนดสภาวะสุดท้ายที่ต้องการคือ ฝ่ายตรงข้ามยุติความพยายามในการรุกล้ำอธิปไตยของไทยออกจากพื้นที่และฝ่ายเราสามารถสถาปนาที่ตั้งในพื้นที่ที่กำหนดได้
กองทัพอากาศได้ออกคำสั่ง "พิทักษ์จักรพงษ์" ในการใช้กำลังทางอากาศทั้งมิติทางอากาศ มิติไซเบอร์และมิติอวกาศ
ในการสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยในมิติของทางอากาศนั้น กองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมรบพร้อมอากาศยานไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง เครื่องบินลาดตระเวนตรวจการณ์ และระบบอากาศยานไร้คนขับในการสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับกองทัพไทยและการโจมตีเป้าหมายในพื้นที่สำคัญ
รวมทั้งเป้าหมายอื่นๆต่อการดำเนินกลยุทธ์ของฝ่ายไทย ทั้งนี้ในการเกิดการปะทะกันนั้นไม่ว่าจะเป็นกองกำลังบูรพากองกำลังจะพัฒนาดีหรือกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด เมื่อได้รับการร้องขอ เพื่อให้การปฏิบัติ
ภารกิจของกองทัพไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ในส่วนของมิติไซเบอร์นั้นกองทัพอากาศได้ปฏิบัติการข่าวกรองทางไซเบอร์การปฏิบัติการทางไซเบอร์ทางลับเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และปฏิบัติการเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้ง
ท้ายที่สุดในมิติของทางอวกาศ ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของฝ่ายไทย ได้รายงานให้กับกองทัพไทยรับทราบเพื่อเตรียมการรองรับต่อไป







