หลายคนกลัว “วัยทอง” แต่จริง ๆ แล้วมันคือสัญญาณธรรมชาติที่บอกว่า ถึงเวลาต้องหันมา ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วัยทองคือช่วงเปลี่ยนผ่านสําคัญของชีวิต ผู้หญิงและผู้ชาย ที่ส่งผลทั้งร่างกายและอารมณ์ เนื่องในวัน World Menopause Day เราเชิญ ศ.นพ.อรรณพ ใจสําราญ ประธานสหพันธ์วัยหมดระดูแห่งเอเชียแปซิฟิก(Asia Pacific Menopause Federation APMF) มาไขข้อสงสัยที่หลายคนไม่เคยถาม แต่ทุกคนควรรู้
Q: วัยทองคือ? ทําไมคนไทยควรให้ความสําคัญ โดยเฉพาะผู้หญิง?
ศ.นพ.อรรณพ : วัยทองเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนเพศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เอสโตรเจนลดลง โดยเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ มีบทบาทสําคัญต่อระบบ สืบพันธุ์ ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ผิวพรรณ และยังช่วยให้จิตใจ อารมณ์แจ่มใส เมื่อผู้หญิงก้าวสู่วัย 40+การผลิตเอสโตรเจนจะลดลงเรื่อย ๆ และจะหยุดสร้างเมื่ออายุ ประมาณ 50 ปี ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่อาจรบกวนการใช้ชีวิต..ดังนั้น การทําความเข้าใจ “ภาวะพร่อง ฮอร์โมนเอสโตรเจน”จึงเป็นก้าวแรกของการดูแลสุขภาพเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัย ในโอกาส วัน World Menopause Day จึงเป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้ผู้หญิงทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพ เตรียม ความพร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ และเปิดใจพูดคุยเรื่องวัยทองโดยไม่ต้องเขินอาย เพราะการดูแลตัวเองตั้งแต่ วันนี้ คือการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในปัจจุบันและวันข้างหน้า
Q: อาการวัยทองสังเกตได้อย่างไร?
ศ.นพ.อรรณพ: อาการหลักๆ มี 3 กลุ่ม
อาการที่รู้สึกได้ทันที : ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกกลางคืน ใจสั่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า นอนหลับยาก ความจําสั้นลง
อาการที่สังเกตเห็นได้ : ผิวแห้ง ผมร่วง ช่องคลอดแห้ง มีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บ นํ้าหนักขึ้น ไขมันสะสมที่ หน้าท้อง
อาการที่มองไม่เห็น สังเกตไม่ได้ แต่เกี่ยวข้องกับการลดลงของเอสโตรเจน : กระดูกพรุน แตกหักง่าย ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะสมองเสื่อม ความจําเสื่อม
Q: วัยทองรักษาอย่างไร?
ศ.นพ.อรรณพ : เมื่อเข้าสู่วัยทองจะมีการดูแลรักษาตามระดับอาการ
อาการน้อยหรือไม่มาก : ออกกําลังกายสมํ่าเสมอ อย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ครั้งละ 30นาที รับประทาน อาหารครบ 5 หมู่ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง/วัน งดบุหรี่ เหล้าและสารเสพติดทุกชนิด
อาการปานกลางถึงมาก: ไม่ควรออกกําลังกายที่ใช้แรงกระแทก (โดยเฉพาะที่เข่า) เช่น กระโดดเชือก หรือ กิจกรรมที่ทําให้เข่ารับนํ้าหนักมาก ลดอาการร้อนวูบวาบด้วยการสวมเสื้อผ้าโปร่งสบายและอยู่ในที่อากาศ ถ่ายเทสะดวก ใช้เจลสําหรับคงความชุ่มชื้นช่องคลอด เพื่อบรรเทาอาการช่องคลอดแห้ง หรือไม่ยืดหยุ่น และควรบริหารอุ้งเชิงกราน (ขมิบ) อย่างสมํ่าเสมอ ควบคุมอาหาร และลดรับประทานอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม เพิ่มแคลเซียมและวิตามินดี เช่นธัญพืช ปลาตัวเล็ก ไข่ เพื่อบํารุงกระดูก คลายเครียด ทํากิจกรรม เบาๆ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เดินเล่นในสวนสาธารณะ เป็นต้น
อาการมาก : แนะนําให้เข้ารับคําปรึกษากับแพทย์สูตินรีเวช และอย่าทน เพื่อตรวจวินิจฉัย ซึ่งแพทย์อาจจะ ให้คําแนะนําในการใช้ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนแบบธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรม
Q: รับมืออย่างไรให้ผ่านวัยทองได้อย่างมั่นใจ
ศ.นพ.อรรณพ: เวลาพูดถึง “วัยทอง” หลายคนอาจรู้สึกกังวล คิดว่าเป็นสัญญาณแห่งความแก่ แต่จริงๆ แล้วอยากให้มองว่านี่คือโอกาสใหม่ในการดูแลตัวเองครับ เพราะช่วงวัยนี้ร่างกายกําลังเปลี่ยนแปลง และ การเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ก้าวผ่านไปได้อย่างมั่นใจ พร้อมลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังและมีคุณภาพ ชีวิตที่ดีในระยะยาว
ทุกวันนี้เรามีทางเลือกมากขึ้น ทั้งการตรวจสุขภาพประจําปี การเช็กฮอร์โมน ไปจนถึงการดูแลด้วย ฮอร์โมนทดแทนธรรมชาติ หากร่างกายขาดฮอร์โมน ซึ่งช่วยบรรเทาอาการวัยทอง ลดความเสี่ยงโรค กระดูกพรุนและโรคหัวใจ อีกทั้งยังช่วยเรื่องระบบเผาผลาญ ทําให้ไม่อ้วนง่าย ผิวพรรณชุ่มชื้น ไม่แห้ง กร้าน
อยากฝากไว้ว่า “วัยทอง” ไม่ได้หมายถึงจุดสิ้นสุดของความหนุ่มสาว แต่คือจุดเริ่มต้นของการดูแลสุขภาพ อย่างจริงจัง เมื่อเข้าใจและใส่ใจมากขึ้น เราก็สามารถใช้ชีวิตช่วงนี้ได้อย่างสมดุล มีพลัง และเต็มไปด้วย ความมั่นใจครับ
Q: แล้ววัยทองเพศชายเป็นอย่างไร?
ศ.นพ.อรรณพ : วัยทองของผู้ชาย อาการจะไม่ชัดเจนแบบผู้หญิง ผู้ชายบางคนจะมีภาวะพร่องฮอร์โมน เทสโทสเทอโรน ส่งผลให้พลังงานลดลง กล้ามเนื้อหาย สมรรถภาพทางเพศถดถอย และอารมณ์ไม่คงที่ งานวิจัยยังพบว่าฮอร์โมนตํ่าสัมพันธ์กับอายุขัยที่สั้นลงด้วย โดยมีการศึกษาใหญ่ในสหรัฐฯนะครับ เรื่อง “Low Serum Testosterone and Mortality in Male Veterans” พบว่าการที่ฮอร์โมนเพศชายอยู่ใน ระดับตํ่า ไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาสุขภาพ แต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงอายุขัยในอนาคต ผู้ชายทั้งหลายจึงไม่ควร ประมาทครับ เพราะรู้เร็ว = แก้ปัญหาภาวะพร่องฮอร์โมนได้ทันครับ
อ้างอิงงานวิจัย: Shores MM, Matsumoto AM, Sloan KL, Kivlahan DR. Low serum testosterone and mortality in male veterans. Arch Intern Med. 2006;166(15):1660–1665. doi:10.1001/archinte.166.15.1660








