หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงนวัตกรรมการจัดการสุขภาพยุคดิจิทัล (HIDA) โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดบรรยายพิเศษเรื่องแนวคิด “Hidden Myth in Medicine” สู่การแพทย์ยุคใหม่ที่ยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ให้กับนักศึกษา HIDA รุ่นที่ 5 ที่โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568
“กำไรทำให้ธุรกิจเติบโต แต่คุณค่าคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจคงอยู่”
เริ่มต้นด้วยกิจกรรม HIDA TALK เรื่อง An Investment of Treasure for Pleasure" การลงทุนให้ “คุณค่า” เหนือ “มูลค่า” โดย ดร.สร้อยเพชร เรศานนท์ กรรมการบริหาร บริษัท บาชโทลด์ จำกัด ได้เปิดมุมมองว่า ในขณะที่ในยุคปัจจุบันธุรกิจขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันและผลกำไรแนวคิด การลงทุนให้ “คุณค่า” เหนือ “มูลค่า” กำลังกลายเป็นกระแสสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่เน้นให้ภาคธุรกิจและนักลงทุนมองคุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ”
ซึ่งการลงทุนในยุคปัจจุบันไม่อาจวัดความสำเร็จจากตัวเลขผลกำไรเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีจริยธรรม และในอนาคตแนวคิดนี้จะเป็นแนวทางสำคัญของเศรษฐกิจ เพราะสร้างความยั่งยืนให้ทั้งองค์กรและสังคม โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบของธุรกิจมากกว่าราคาสินค้า “กำไรทำให้ธุรกิจเติบโต แต่คุณค่าคือสิ่งที่ทำให้ธุรกิจคงอยู่” “ดร.สร้อยเพชร กล่าว”
“การแพทย์ที่ดีที่สุด ไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือแพง แต่คือการรักษาด้วยหัวใจของมนุษย์”
จากนั้นเข้าสู่การบรรยายหัวข้อ "Hidden Myth in Medicine" หรือ “มายาคติที่ซ่อนอยู่ในวงการแพทย์” โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ประธานศูนย์ความเป็นเลิศการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุขมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าปัจจุบันแม้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ความเชื่อที่ไม่ถูกต้องและแนวปฏิบัติที่หลงทางยังคงมีอยู่ในระบบสุขภาพ
หลายคนอาจหลงเชื่อว่า การรักษาที่ซับซ้อนหรือมีเครื่องมือราคาแพงย่อมดีกว่าเสมอ แต่แท้จริงแล้วสุขภาพที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากการดูแลพื้นฐาน เช่น อาหาร การนอน การออกกำลังกาย และสภาวะจิตใจที่สมดุล ซึ่งเป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์รับรองแล้วว่า มีผลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันและสมอง ดังนั้นแพทย์อาจไม่สามารถรักษาโรคโดยมองตัวโรคเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจคนทั้งและสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย รวมถึงสาเหตุที่แท้จริงของความเจ็บป่วย เช่น ความเครียด ความสัมพันธ์ หรือสังคมที่กดดัน เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อชีวภาพของร่างกายทั้งหมด
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ย้ำว่า การแพทย์ยุคใหม่จำเป็นต้องก้าวข้ามกรอบเดิมของการรักษาโรคเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพัฒนาไปสู่การสร้างสุขภาวะองค์รวม ที่ผสมผสานวิทยาศาสตร์กับจิตใจ เพื่อให้การแพทย์เป็นศาสตร์เพื่อมนุษย์อย่างแท้จริง
“Longivity อายุยืนอย่างมีคุณภาพ”
ปิดท้ายด้วยการบรรยายหัวข้อ "การดูแลสุขภาพแบบ Longivity" โดยคุณดวงเดือน บุญญศาสตร์พันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี ระบุว่า ปัจจุหลายคนให้ความสำคัญกับ “การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ” มากกว่าการมีชีวิตที่ยืนยาวเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป้าหมายของ Longevity ไม่ใช่การหยุดอายุ แต่คือการคงสภาพร่างกาย สมอง และภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้นานที่สุด โดยอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแพทย์เชิงป้องกัน”
ขณะที่แนวทางการดูแลสุขภาพแนว Longevity ประกอบด้วย 5 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
1. โภชนาการเพื่อยืดอายุ (Longevity Nutrition) – ลดน้ำตาลและไขมันทรานส์ เพิ่มผัก ผลไม้ โปรตีนจากพืช และอาหารหมักดองธรรมชาติ
2. การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง (Functional Fitness) – ฝึกทั้งกล้ามเนื้อ สมดุล และความยืดหยุ่น เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเบา ๆ
3. การนอนและการพักฟื้นคุณภาพ (Rest & Recovery) – นอนหลับลึกเพียงพอ 6–8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อซ่อมแซมเซลล์และลดความเสื่อม
4. การจัดการความเครียด (Stress Management) – ฝึกสติ สมาธิ หรือการหายใจเชิงลึก เพื่อควบคุมฮอร์โมนคอร์ติซอล
5. การตรวจสุขภาพเชิงลึก (Preventive & Genetic Screening) – ใช้เทคโนโลยีตรวจเลือดระดับโมเลกุล วิเคราะห์ยีน และวัดอายุชีวภาพ (Biological Age) เพื่อวางแผนเฉพาะบุคคล
ปัจจุบัน โรงพยาบาลและคลินิกหลายแห่งเริ่มนำแนวคิด Longevity Medicine มาใช้ร่วมกับ เวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine) เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการดูแลเชิงรุกมากขึ้น
สำหรับหลักสูตร HIDA รุ่นที่ 5 มีดร.สมชาย อัศวเศรณี เป็นประธานหลักสูตรฯ และพล.อ.ท.(ญ) ดร.พัชรี พิพิธสุขสันต์ เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร ที่มีการบูรณาการศาสตร์การแพทย์ 6 ศาสตร์ ได้แก่ การแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน ดุลยภาพบำบัด โฮมีโอพาธีย์ และ ศาสตร์แห่งความสุข เพื่อสร้างผู้บริหารที่พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้พัฒนาระบบสุขภาพไทยอย่างยั่งยืน