เมื่อวันที่ 23 ต.ค.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท-คุยการเมือง" หัวข้อ "วรภัค ลาออก ระวังลุกลาม" โดยระบุว่า หลังจากมีกระแสกดดันมายังรัฐบาล เรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ใช้ความเด็ดขาด ความเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ จนนายอนุทินต้องตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่ง ที่เรียกกันว่า “บอร์ดปราบแก๊งสแกมเมอร์” และยกเรื่องการปราบแก๊งสแกมเมอร์เป็นวาระแห่งชาติ
แต่กระแสกดดันมายังรัฐบาลไม่ได้ลดน้อยลง สืบเนื่องมาจากการที่ส.ส. ฝ่ายค้านคือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคประชาชน ได้อภิปรายถึงตัวบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐรัฐบาลชุดนี้ว่า เกี่ยวพันหรือเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจสีเทา มีการแสดงภาพ โชว์แผนผังเกี่ยวกับตัวบุคคลว่า มีความเกี่ยวข้องกัน มีการโชว์ภาพของนายเบน สมิธ นายทักษิณ ชินวัตร และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือผู้กองธรรมนัส ได้อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา ตั้งคำถามมายังนายอนุทิน และได้อภิปรายถึงตัวบุคคลว่า มีความเกี่ยวข้องกับคนที่นายอนุทินแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี
ซึ่งต่อมาภายหลังมีการปรากฎชื่อว่าเป็นนายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กระแสกดดันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนายอนุทินได้สั่งการให้นายวรภัค ชี้แจงเรื่องทั้งหมดเป็นหนังสือ ทำให้นายวรภัคต้องเปิดแถลงข่าว ชี้แจงข้อเท็จจริง ในที่สุดได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ถือว่าเป็นการแสดงสปิริต เป็นการแสดงความรับผิดชอบ เมื่อถูกพาดพิงก็พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ทั้งที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่เป็นบุคคลที่มาจากภายนอก เข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่เมื่อถูกข้อกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ก็ยินดีลาออก
ซึ่งแตกต่างกับนักการเมืองที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้ มีการพาดพิงถึงตัวบุคคลเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่แสดงท่าทีหรือความรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่นายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องเข้าไปกำกับดูแลและทำให้เรื่องนี้โปร่งใสมากที่สุด ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับกรณีของนายวรภัค
นายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็ควรที่จะสั่งการหรือกำกับให้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ที่ถูกพาดพิงหรือมีข้อสงสัยได้ปฏิบัติเช่นเดียวกับนายวรภัค คือลาออกไปก่อน เพื่อพิสูจน์ความจริง ถ้าหากว่านายอนุทินไม่สามารถไปกำหนด หรือกำกับให้รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลชุดนี้ปฏิบัติเช่นเดียวกัน ก็จะเป็นความลักลั่นและสองมาตรฐาน กระแสสังคมก็จะเรียกร้องกดดันไปยังนายอนุทินให้ดำเนินการต่อรัฐมนตรีที่ถูกสังคมคลางแคลงใจ และมีข้อสงสัยให้รับผิดชอบ หรือพิจารณาตัวเองลาออกเพื่อไปพิสูจน์ความจริง ถ้าหากไม่สามารถกำหนดหรือบังคับได้ อาจจะเป็นโดมิโน่ ลุกลามจากนายวรภัคไปยังรัฐมนตรีคนอื่นๆ และในที่สุดจะลุกลามไปถึงตัวนายอนุทิน นายกรัฐมนตรีด้วย
จึงขอชื่นชมนายวรภัคที่ตัดสินใจลาออกอยากใช้นักการเมืองคนอื่นๆเอาเป็นแบบอย่าง อยากให้นายอนุทินในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ได้ตระหนักถึงมารยาทความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐมนตรีชุดนี้ ก่อนที่จะหมดวาระไปอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า