เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์น้ำเกือบเต็มความจุ 97% หลังสิ้นฤดูฝน เดินหน้าระบายน้ำวันละ 17 ล้าน ลบ.ม. ควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย พร้อมยืนยันความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อน
วันที่ 23 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสิ้นสุดฤดูฝน ปริมาณน้ำเต็มเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว เนื่องจากในห้วงของเดือนกันยายน ต่อเนื่องถึงเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำเหนือจาก จังหวัดเพชรบูรณ์ ไหลเข้าสูงเขื่อนป่าสักฯ เป็นจำนวนมาก โดยปริมาณน้ำล่าสุดเช้าวันนี้ อยู่ที่ 932 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 97.08 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเต็มความจุ ที่ระดับกักเก็บปกติของเขื่อน ที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว และยังคงมีน้ำตกค้างในแม่น้ำป่าสักตอนบน ไหลเข้าสูงเขื่อนอีกจำนวนหนึ่ง ทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต้องบริหารจัดการน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรความมั่นคงของตัวเขื่อน โดยคาดว่าน้ำจะครบ 100 เปอร์เซ็นต์ เต็มความจุของเขื่อนในอีกไม่กี่วันนี้

นายสมชาย ร่มเย็น หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในขณะนี้ ถือได้ว่ามีปริมาณน้ำ ใกล้เต็มความจุแล้ว ขณะที่น้ำตอนบนเหนือเขื่อนป่าสักฯ ยังมีน้ำอยู่ที่ต้นน้ำ ในอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ ไหลเข้าเขื่อนฯ อยู่ที่วันละ 267 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 23 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน แต่ก็มีแนวโน้มน้อยลง ทำให้เขื่อนป่าสักฯ ต้องมีการระบายน้ำด้านท้ายเขื่อน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกรณ์การควบคุมของเขื่อน ในอัตรา 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือเฉลี่ยวันละ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ซึ่งจากนี้ไปน้ำในเขื่อนจะอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือเกินจากนี้ไปเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นช่วงที่จะกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด ในช่วงของปลายฤดูฝน ตามที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้พยากรณ์ไว้ ว่าจากนี้ไป ปริมาณฝนจะมีแนวโน้มลดน้อยลง โดยจะไปมีฝนเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้แทน ดังนั้น จึงต้องกัดเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งถือว่าเป็นอีกปีหนึ่ง ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเต็มเขื่อน ได้สำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง

ในส่วนด้านความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนที่หลายคนกังวล หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา เขื่อนป่าสักฯ ได้มีการตรวจค่าความมั่นคงของตัวเขื่อนอยู่เสมอ ตั้งแต่เริ่มมีการกักเก็บน้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่ปริมาณน้ำครบ 80 เปอร์เซ็นต์ จะทำการตรวจวัดทุกๆ วัน ซึ่งผลการตรวจยังอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานความมั่นคงปลอดภัยของตัวเขื่อนเป็นอย่างดีขอให้ประชาชนมั่นใจได้

ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำที่ตกค้างในลำน้ำตอนบนเหนือเขื่อน ลดน้อยลง ทางเขื่อนป่าสักฯ ก็จะลดการระบาย เพื่อให้สอดคล้องกับน้ำที่อยู่ด้านเหนือเขื่อน โดยจะมีสถานีวัดน้ำติดตามสถานการณ์น้ำตลอดเส้นทาง เพื่อที่จะวางแผนการจัดการน้ำได้เป็นรายสัปดาห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
#ภูมิภาค-36