เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 ต.ค.68 ที่รัฐสภา กลุ่มเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ได้เข้ายื่นหนังสืออย่างเป็นทางการต่อผู้แทนพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อเรียกร้องให้พิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยให้รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 (ประทุษร้ายพระราชินี) และมาตรา 112 (หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์) เข้าไว้ในการนิรโทษกรรมครั้งนี้
กลุ่มผู้ยื่นหนังสือ ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้แม้มีชื่อว่า “พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมเพื่อเสริมสร้างสังคมสันติสุข” แต่การยกเว้นบางมาตราที่เกี่ยวข้องกับคดีการเมืองอย่าง ม.112 และ ม.110 ถือเป็นการเลือกปฏิบัติและขัดต่อหลักการนิรโทษกรรมในอดีต ซึ่งเคยครอบคลุมทุกคดีการเมืองโดยไม่เลือกปฏิบัติ ทั้งในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 และพฤษภาคม 2535
การยื่นหนังสือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำจุดยืนว่า การนิรโทษกรรมควรเกิดขึ้น “อย่างเท่าเทียม” และไม่แบ่งแยกประชาชนตามความเชื่อทางการเมืองหรือสีเสื้อ โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
จากการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในชั้นกรรมาธิการพิเศษ ซึ่งมีการประชุมไปแล้วกว่า 9 ครั้งนับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีรายงานว่า แม้จะมีการปรับแก้รายละเอียดหลายประการ รวมถึงการเพิ่มฐานความผิดให้ครอบคลุมมากขึ้น แต่คณะกรรมาธิการยังคงมีมติให้ ยกเว้น ความผิดตามมาตรา 110 และ 112 อย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เคลื่อนไหวยังชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวกลับนิรโทษกรรมให้กับคดีที่มีความรุนแรงและอัตราโทษสูง เช่น คดีก่อการร้าย การกบฏ และคดีแพ่งจากการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่กลับไม่รวมคดีของประชาชนที่ถูกกล่าวหาเพียงเพราะการแสดงความเห็นหรือการร่วมชุมนุมทางการเมืองอย่างสันติ
ในการยื่นหนังสือครั้งนี้ มีตัวแทนจากพรรคการเมืองหลักร่วมรับฟังข้อเรียกร้องและให้คำมั่นจะนำไปพิจารณาในพรรค โดย นางสาวศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่สำคัญของกระบวนการทางประชาธิปไตย เพราะกฎหมายฉบับนี้เป็นความหวังของผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเห็นการนิรโทษกรรมอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะในมาตราที่เป็นหัวใจสำคัญอย่าง มาตรา 112
นางสาวศศินันท์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคประชาชนจะร่วมติดตามการอภิปรายและผลการลงมติอย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันว่า เสียงของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจะไม่ถูกละเลย
ขณะเดียวกัน นายรังสรรค์ มณีรัตน์ สส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ทางพรรคพร้อมรับฟังข้อเรียกร้องของเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนอย่างจริงจัง โดยจะนำข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมภายในพรรคเพื่อพิจารณาแนวทางในการลงมติร่วมกับพรรคประชาชน ซึ่งทั้งสองพรรคยืนยันหลักการร่วมกันในการช่วยเหลือเหยื่อทางการเมืองที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมและการแสดงออก
ท้ายที่สุด กลุ่มผู้ยื่นหนังสือ ยังยืนยันว่า การนิรโทษกรรมจะไม่มีความหมายหากไม่ครอบคลุมทุกคดีทางการเมืองอย่างแท้จริง การยกเว้นเฉพาะบางมาตราเท่ากับปฏิเสธสิทธิความเป็นธรรมของผู้ต้องหา และยังเป็นการแบ่งแยกผู้คนออกจากกันบนพื้นฐานของความคิดและความเชื่อ
"เราขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองหลักทั้งสาม คือ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ซึ่งมีจำนวน สส. มากที่สุดในสภา พิจารณาเห็นชอบตามข้อสงวนที่ให้การนิรโทษกรรมรวมความผิดตามมาตรา 110 และ 112 เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้เป็นเครื่องมือคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ" ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวทิ้งท้าย
#นิรโทษกรรม #ม112 #ม110 #เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน