วันที่ 21 ต.ค.2568 ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ตำบลดงรัก ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ นายบัญชา จันทร์ณรงค์ นายอำเภอภูสิงห์ เป็นประธานในพิธีเปิดปล่อยแถวกำลังพลตามยุทธการ “กูปรีพิทักษ์ไพร” ลาดตระเวนเชิงคุณภาพ และเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญอย่างใกล้ชิด โดยมี นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา นำเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร เจ้าหน้าที่สถานีไฟป่าห้วยศาลา เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1 (ฝั่งซ้ายห้วยขะยูง-ฝั่งขวาห้วยจันทร์) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.4 (เขาบรรทัด-ห้วยตึ๊กชู) หน่วยงานภาครัฐ ทหาร ตำรวจ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ จำนวน 150 นาย ให้การต้อนรับและร่วมกิจกรรมด้วย โอกาสนี้มี นายภัทรยศ วิชญพงศ์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ร่วมตรวจติดตามการดำเนินงานในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ปฏิบัติการดังกล่าว เพื่อมุ่งเน้นการ เพิ่มความเข้มแข็งในการลาดตระเวน ป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดด้านทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า รวมทั้งสร้างมาตรการเฝ้าระวังภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งยุทธการในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานความมั่นคง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายด้านการอนุรักษ์ ที่พร้อมใจกันมุ่งมั่นพิทักษ์ผืนป่าอันเป็นทรัพยากรของชาติให้คงอยู่กับชุมชนและสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป

นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยศาลา กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ ได้ร่วมกันสนธิกำลังออกลาดตระเวนคุ้มครองรักษาพื้นที่ป่าห้วยศาลา ทั้งในส่วนของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า และป่าสงวนแห่งชาติ เป็นการผนึกกำลังความร่วมมือ กับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ในการลาดตระเวนป่าร่วมกัน และตรวจสอบแนวเขตของป่าห้วยศาลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณ ป่าที่อยู่สองฝั่งของอ่างเก็บน้ำห้วยศาลา ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของ ชาว อ.ภูสิงห์ และชาว อ.ขุขันธ์ เกษตรกร ชาวบ้านใช้น้ำจากตรงนี้ในช่วงฤดูแล้ง และทำนาปรังกว่า 20,000 ไร่ รวมทั้งเป็นที่ผลิตน้ำประปา แก่ชุมชนหมู่บ้านในพื้นที่

ในการระดมกำลังลงพื้นที่ลาดตระเวนในครั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจมีกลุ่มคนบางกลุ่ม ลักลอบเข้ามาครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เข้ามาจับจองและขยายแนวเขตรุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่ป่า เป็นแนวยาว จึงทำการแจ้งเตือนและให้ถอยร่นกลับไป ซึ่งชาวบ้านก็ให้ความยินยอม และให้ความร่วมมือในการออกจากพื้นที่ที่ขยายรุกล้ำเข้ามาในเขตป่าเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อร่วมกัน รักษาป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่ที่สุดใน จ.ศรีสะเกษ ให้คงอยู่ต่อไป
#ภูมิภาค-60