กมธ.ไอซีที วุฒิสภา เปิดเวทีระดมสมองถกอนาคตทีวีดิจิทัลไทย เผชิญวิกฤตต้นทุนโครงข่าย (MUX) พุ่งสูง-เหลื่อมล้ำ เรียกร้องแยกโครงข่าย ช่องสาธารณะออกจากเชิงพาณิชย์ พร้อมชงตั้งโครงสร้างร่วมทุนกลาง หวังสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงทรัพยากร จี้ กสทช. ทบทวนบทบาทคุมราคาโครงข่ายเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรม ก่อนที่ทีวีไทยจะไปต่อไม่ไหว
วันที่ 19 ต.ค.2568 คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม จัดสัมมนาเรื่อง “อนาคตทีวีไทย : ทางเลือกใหม่ ท่ามกลางความท้าทาย” โดยมี นายนิเวศ พันธ์เจริญวรกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ เป็นประธานเปิดการสัมมนา และ นายสุทนต์ กล้าการขาย รองประธานคณะกรรมาธิการฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา องค์กรวิชาชีพสื่อ และผู้ประกอบการในกิจการโทรทัศน์ดิจิทัลเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
นายนิเวศ กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยเข้าสู่ยุคโทรทัศน์ระบบดิจิทัล แม้จะเกิดพัฒนาการด้านเทคโนโลยีและเพิ่มทางเลือกให้ผู้ชม แต่ผู้ประกอบการก็ต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะต้นทุนโครงข่าย (MUX) ที่สูง ความซ้ำซ้อนของภารกิจระหว่างผู้ให้บริการ และความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงทรัพยากรของผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่ รวมถึงเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การสัมมนาครั้งนี้เป็นการเปิดเวทีให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอแนวทางเชิงนโยบาย และร่วมกำหนดทิศทางอนาคตของกิจการโทรทัศน์ไทย เพื่อให้สามารถปรับตัวได้ภายใต้ยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และส่งเสริมความยั่งยืนของกิจการโทรทัศน์ไทยในระยะยาว

ด้านนายสุทนต์ กล่าวว่า กว่าทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนผ่านจากระบบแอนะล็อกสู่ระบบดิจิทัลได้เปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันและความหลากหลายของช่องรายการอย่างเป็นรูปธรรม แต่ในทางปฏิบัติยังคงมีอุปสรรคสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะ ต้นทุนการใช้โครงข่าย (MUX) ที่สูง และการกระจายตัวของผู้ให้บริการหลายรายที่ขาดการเชื่อมโยงและความร่วมมือที่เป็นระบบ ส่งผลให้เกิดความซ้ำซ้อนและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงทรัพยากรระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กับรายย่อย ดังนั้นควรให้มีการปรับโครงสร้างการกำกับดูแลหรือรวมโครงข่ายบางส่วน เพื่อลดความซ้ำซ้อนของภารกิจและใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมทั้งแยกโครงข่ายของช่องบริการสาธารณะออกจากช่องเชิงพาณิชย์ เพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างชัดเจนและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของแต่ละประเภท เพราะฉะนั้นควรจัดตั้งโครงสร้างร่วมทุนกลาง (Shared Infrastructure) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการช่องรายการที่ไม่มีโครงข่ายของตนเองสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม แนวทางทั้งหมดนี้มุ่งสร้างระบบทีวีที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
"ผมเห็นว่าควรมีการทบทวนบทบาทของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการควบคุมราคาโครงข่าย กำหนดมาตรฐานการให้บริการ และออกมาตรการสนับสนุนการปรับตัวของผู้ให้บริการเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพอุตสาหกรรมโทรทัศน์ยุคใหม่ด้วย" นายสุทนต์กล่าว
ในงานสัมมนาวันนี้ยังมีการบรรยายเรื่อง “สรุปผลการพิจารณาศึกษาแนวทางส่งเสริมและกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ของประเทศไทย” โดย น.ส.พิมพ์ประไพ จิตหาญ อนุกรรมาธิการฯ ซึ่งนำเสนอผลการศึกษาด้านความเป็นไปได้ในการปรับปรุงรูปแบบการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล และแนวทางการปรับปรุงการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายในหัวข้อ “อนาคตทีวีไทย : ทางเลือกใหม่ ท่ามกลางความท้าทาย” โดยมี นายสุทนต์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ร่วมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา ได้แก่ ศ.กิตติคุณ พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ ที่ปรึกษาสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) นายอุดมศักดิ์ ชูฤทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักวิศวกรรมโครงข่าย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และนาง ชาลินี ฮิราโน รองนายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย โดยผู้ร่วมอภิปรายได้แลกเปลี่ยนมุมมองอย่างเข้มข้น ทั้งในด้านการพัฒนาโครงสร้างโครงข่าย การปรับตัวของสถานีโทรทัศน์ต่อการแข่งขันจากแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงแนวทางสร้างระบบนิเวศสื่อใหม่ที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายอยู่รอดได้อย่างเป็นธรรม
นายสุทนต์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ จะรวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เข้าร่วม นำไปจัดทำข้อเสนอในการพิจารณาศึกษาเรื่อง “แนวทางการส่งเสริมและกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทย” เพื่อให้กิจการโทรทัศน์ไทยมีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อประโยชน์สาธารณะ