วันที่ 17 ต.ค.68 ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง ผู้ดูแลเพจเฟซบุ๊ก “หมอแล็บแพนด้า” โพสต์ข้อความระบุว่า...
“โรคไข้กาฬหลังแอ่น รุนแรง ลามไว อาจตายอย่างรวดเร็ว”
เมื่อวานเห็นมีผู้ปกครองเริ่มพาลูกหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น ก็เลยนึกได้ว่าจะเล่าเกี่ยวกับโรคนี้
ถึงโรคนี้จะพบไม่บ่อยในประเทศไทย แต่ถ้าเป็นขึ้นมาจะรุนแรงมาก จนแทบไม่มีใครรับมือได้เลยล่ะครับ มีโอกาสเกิดอาการเฉียบพลันและลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้อาจเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง และ 1 ใน 5 ของผู้รอดชีวิตอาจต้องพิการแขนหรือขา!!
โรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นโรคติดต่อร้ายแรงจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Neisseria meningitidis ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือพบทั้ง 2 ภาวะร่วมกันเลย เชื้อนี้มีหลายสายพันธุ์ พบมากที่สุดในไทย คือ สายพันธุ์ B
การศึกษาในเด็ก และวัยรุ่นไทยพบมีเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นเกาะอยู่ที่บริเวณลำคอถึง 14.2% บางคนก็ไม่เป็นอะไร แต่เป็นพาหะของเชื้อได้ มีรายงานพบโรคนี้ประมาณ 20-30 รายต่อปี
อย่าเป็นโรคนี้ดีที่สุด! เพราะอาการรุนแรงมาก โดยเริ่มมีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย อาจมีผื่นแดง และโรคจะลุกลามอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจ้ำเลือดตามผิวหนัง และมีลิ่มเลือดอุดตันทำให้ปลายแขนขาขาดเลือดจนเกิดการสูญเสียนิ้ว หรือแขนขาได้ อาจช็อก หรือถ้าเชื้อลุกลามเข้าสู่สมอง จะทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ จะมีอาการปวดหัว ซึม ชัก และอาจเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 24 ชั่วโมงแม้จะได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งพบอัตราเสียชีวิตสูงถึง 10-15%
1 ใน 5 ของผู้รอดชีวิตอาจมีความพิการหลงเหลือ เช่น เกิดความพิการทางสมอง โรคลมชัก ส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ สูญเสียแขนหรือขา และการได้ยิน
ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี จะมีความเสี่ยงต่อโรคสูงและอาการจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ทุกคนมีความเสี่ยง แต่กลุ่มที่พบบ่อยคือ
1. กลุ่มเสี่ยงจากอายุ: ทารก และเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี (เสี่ยงสูงสุด) และวัยรุ่น* โดยเฉพาะที่ใช้ชีวิตในที่แออัด อย่างเช่น หอพักในวิทยาลัย
2. กลุ่มเสี่ยงจากโรคประจำตัวและยาที่ใช้: เช่น ผู้ไม่มีม้าม ได้ยากดภูมิบางชนิด
3. กลุ่มเสี่ยงจากการสัมผัสโรค: ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อที่ทำให้เกิดโรคไข้กาฬหลังแอ่น หรือผู้ที่เดินทางไปบริเวณที่มีการระบาดของโรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นต้น
การป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น มี 3 มาตรการในการป้องกันครับ
1. โรคนี้ติดทางการสัมผัสน้ำลาย สารคัดหลั่ง และการสัมผัสใกล้ชิด งดการ share ของใช้ส่วนบุคคล เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม บุหรี่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนป่วย และสถานที่แออัด
2. การให้ยาปฏิชีวนะป้องกันภายหลังสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น
3. การฉีดวัคซีนป้องกัน สำหรับในประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยได้มีคำแนะนำให้พิจารณาวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นวัคซีนทางเลือกให้กับเด็กกลุ่มเสี่ยง โดยวัคซีนสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เด็กอายุ 2 เดือนขึ้นไป
ผู้ที่ควรฉีดวัคซีน
- ทารกและเด็กเล็ก ตั้งแต่อายุ 2 เดือน ขึ้นไป
- เด็กกลุ่มเสี่ยงจากโรคประจำตัว และยาบางชนิดที่ใช้
- วัยรุ่น นักศึกษา และผู้ที่จะต้องเดินทางไปศึกษาต่างประเทศที่มีการระบาด เช่น อเมริกา ประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น ขึ้นกับข้อกำหนดของแต่ละสถานศึกษาและประเทศนั้นๆ
คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ เกี่ยวกับโรค การรักษา การป้องกัน และการตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่นได้นะครับ เพราะเป็นโรคที่รุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก แต่สามารถป้องกันได้ด้วยมาตรการต่างๆ รวมทั้งวัคซีนได้นะคร้าบ
*อายุ 16-18 ปี
#MeningococcalDiseaseTH #โรคไข้กาฬหลังแอ่น
เอกสารอ้างอิง
1. Apicella, M. A., et al. (2025). Epidemiology of Neisseria meningitidis infection. UpToDate. Retrieved September 3, 2025, from https://www.uptodate.com/.../epidemiology-of-neisseria...
2. PIDST. (2025). Recommendations for meningococcal vaccination in Thai children and adolescents. Retrieved September 3, 2025, from https://pidst.or.th/A1527.html
3. Serra, L., et al. (2020). Infectious diseases and therapy, 9(2), 209–240.
4. กระทรวงสาธารณสุข. (2015, มีนาคม สธ. ย้ำประชาชนไทยไม่มี โรคไข้กาฬหลังแอ่น ระบาด ไทยพบผู้ป่วยน้อยมาก ปีละ 20 - 30 ราย. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม, 2025, จาก https://pr.moph.go.th/online/index/news/71379
5. Mbaeyi et al., 2021. CDC Pink Book. Retrieved September 3, 2025, fromhttps://www.cdc.gov/pinkbook/hcp/table-of-contents/chapter-14-meningococcal-disease.html
6. American Academy of Pediatrics. (2021). Red Book (32nd ed., pp. 519-532.)
7. Lucas, M. J., et al. (2016). Neurological sequelae of bacterial meningitis. Journal of Infection, 73(1), 18–87.
8. Center of Disease Control and Prevention. (2020). MMWR Recommendation and Reports, 69(9), 1-42.
9. Department of Disease Control. (2023). Annual epidemiological surveillance report 2023 (pp. 26-30.)
10. Memish, Z. A., et al. (2010). Journal of infection and public health, 3(4), 143–151.
Non-Promotional Material
NP-TH-MNU-SMP-250022 I 09/25
#หมอแล็บแพนด้า #ไข้กาฬหลังแอ่น