ชูศักดิ์เสียใจหนัก! ร่างแก้รธน.เพื่อไทยตกรอบ หวังหลักการประชาธิปไตยยึดโยงประชาชน เชื่อตกเพราะเล่นการเมืองล้วนๆ จึงโหวตหนุนร่างของปชน. เหตุใกล้เคียงกันปชช.มีส่วนร่วม เตรียมสู้ต่อในกมธ.ร่วม
เมื่อวันที่ 15 ต.ค.68 เวลา 19.45น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังโหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ ว่า ที่ประชุมมีมติรับร่างของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ด้วยคะแนนเกินกึ่งหนึ่ง และเสียงสนับสนุนจากสว. 1 ใน 3 ทั้งนี้ในส่วนของร่างของพรรคเพื่อไทยคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา จำนวน 521 คะแนน แบ่งเป็นสส 461 คะแนน แต่ได้คะแนนสว.เพียง 60 ซึ่งไม่เกิน 1 ใน 3 ซึ่งเป็นอัว่าผ่านไป 2 ร่าง โดยพรรคเพื่อไทยไม่ผ่านเกณฑ์รัฐธรรมนูญมาตรา 256ทั้งนี้พวกเราก็ต้องเสียใจ เนื่องจากร่างของพวกเราพยายามทำอย่างสุดความสามารถ ยึดโยงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง ยึดโยงกับรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ในหมวด 15 ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
หากเปรียบเทียบร่างแก้ไขทั้ง3 ร่าง ตนคิดว่าร่างของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นร่างที่เหมาะสมมากที่สุด จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ขณะที่ร่างแรกถูก วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ยึดโยงกับประชาชน กล่าวคือ พอประชาชนมาสมัครแล้วเลือกที่รัฐสภา จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าท้ายที่สุด ว่าอาจเป็นร่างของพรรคการเมือง เป็น สสร.ของพรรคการเมือง สีนั้นสีนี้ ส่วนอีกร่างหนึ่งก็ถูกวิจารณ์ว่ายึดโยงกับประชาชนจนสูงเกินไป แต่ของพรรคเพื่อไทยเดินสายกลางมีความยืดหยุ่นกับประชาชนขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ตัวแทนองค์กรต่างๆเข้ามาร่วมเป็นสสร. จำนวน 51 คน และเมื่อมีการจัดตั้งกรรมาธิการจำนวน 21 คน จากผู้ทรงคุณวุฒิ
ดังนั้นร่างของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นร่างที่ควรจะต้องสนับสนุนมากที่สุด หากเปรียบเทียบจาก3 ร่างทั้งหมด โดยเหตุนี้ จึงเป็นที่น่าเสียใจว่าร่างของพรรคเพื่อไทยเป็นอันต้องจบต้องจบไป แต่เราก็ได้มีการวิเคราะห์สาเหตุว่าการตกไปนั้นเกิดจากอะไร ว่าเกิดจากหลักการหรือเหตุผลหรือร่างไม่ดี หรือเหตุผลอะไร ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการปรึกษากันแล้วและมองว่าไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเหตุผลทางการเมือง เท่านั้น ที่ทำให้ร่างของพรรคเพื่อไทยตกไป
ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนทราบดีเพราะเราไม่ได้ไปทำMOA ที่เค้าทำกันแค่2พรรค จึงทำให้ร่างทั้ง2พรรคผ่านร่างไป ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องแก้ไขหมวด1หมวด2 แต่ท้ายสุดร่างของพรรคประชาชน ก็ไม่มีการห้ามในการแก้ไขหมวด ดังกล่าวเหมือนร่างของพรรคเพื่อไทย จึงสรุปได้ว่าน่าจะเป็นเหตุผลทางการเมืองเสียมากกว่า เราจึงปล่อยให้ประชาชน เป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์
ทั้งนี้ตนมองว่าหากที่ประชุมสภารับร่างของพรรคเพื่อไทย ตนก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ร่างหลักในวันนี้จะเป็นร่างของพรรค ภูมิใจไทย และเชื่อว่าจะไม่ต้องไปโหวตถึงครั้งที่2แบบนี้ ดังนั้นเมื่อร่างของพรรคเพื่อไทยตกลงไป เราจึงมองว่าจำเป็นที่จะต้องโหวตสนับสนุนร่างของพรรคประชาชนเพราะ ร่างของพรรคประชาชนนั้นมีความใกล้เคียงกับของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะมาเป็นสสร. แม้จะมีการเลือกโดยตรงมากเกินไปแต่ตนคิดว่าการยึดโยงกับประชาชนนั้น คือวิสัยที่เราจะต้องสนับสนุน ในการที่จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย แม้ร่างเราจะตกไปแต่เราก็จะทำหน้าที่ใน กรรมาธิการร่วมกันผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งพวกเรา9คนพรรคเพื่อไทย ก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการใช้ความรู้ความสามารถเพื่อให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประชาธิปไตยและยึดโยงกับประชาชน จึงถือโอกาสนี้ยืนยันว่าเรายังมุ่งมั่นและตั้งใจ ส่วนจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตามนายชูศักดิ์มองว่าหากตกลง ในMOA เสียให้เสร็จแต่แรก ก็คงไม่ต้องเหนื่อยแบบในวันนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าMOA เป็นปัญหา จึงฝากพรรคประชาชน ช่วยตรวจสอบและไตร่ตรองให้ดี เพื่อทำให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้
เมื่อถามว่า ในการโหวตวาระ 2 และวาระ 3 มีความกังวลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ต้องดูว่ารูปแบบของสสร.เป็นอย่างไร ซึ่งรูปแบบของพรรคประชาชนนั้นยึดโยงประชาชน แต่ของพรรคภูมิใจไทยไม่มี ซึ่งตนมองว่าเผลอๆอาจจะต้องเอาร่างของพรรคเพื่อไทยไปประกอบในญัตติ เพื่อให้เป็นทางออกซึ่งเป็นจุดตัดที่สำคัญ ส่วนนอกจากนั้นก็เป็นรายละเอียดปีกย่อยเช่น จะแก้ไขปัญหาในมาตราหมวด1 หมวด2 แต่อย่างไรก็ตามตนมองว่าร่างทั้ง2ร่างที่ผ่านตนมองว่ายังขาดอะไรไปเยอะ
ส่วนอีกเรื่อง ที่กำลังมีข้อกังวลคือเวลาที่จำกัดมากในเรื่องของการจัดทำประชามติ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับเรื่องของพ.ร.บ.ประชามติที่จะต้องนำมาใช้ ซึ่งมีเวลาจำกัดมาก ดังนั้นการเถียงกันในสาระสำคัญแบบนี้ อาจจะมีเวลายกร่างไม่เกิน2เดือน เพื่อทำให้เสร็จ
ส่วนกรณีข้อกังวลเกี่ยวกับฝั่ง สว. ที่มองว่าอาจจะเป็นการเปิดช่องไปสู่การแก้ไข มาตราหมวด1 หมวด2 จะทำให้เกิดความยุ่งยากในชั้นกรรมาธิการหรือไม่นั้นตนมองว่าการแก้ไข รายมาตราหมวด1 หมวด2 ไม่ใช่กรรมาธิการเป็นคนแก้ จริงๆแล้วกฎหมายไม่ได้ห้ามแก้ แต่ถ้าจะแก้ต้องทำประชามติแต่ตนเชื่อว่าไม่มีการแก้ไขเหตุผลเพราะว่า จากที่เห็นในอดีตก็ไม่มีการแก้ไขแต่พรรคเพื่อไทยไม่ห้ามเพราะ หากจำเป็นจริงๆ ต้องแก้ไขเดี๋ยวมันจะไม่มีทางออก
ทั้งนี้ถ้าร่างของพระประชาชนเป็นร่างหลักแต่มี มีคนไปตั้งคำถามต่อศาลว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์เผยว่าตามหลักแล้วจะต้องถาม ศาลจะต้องใช้มติของรัฐสภา ตามมาตรา 210 เพื่อวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปยื่นต่อศาลเลย หากไม่มีมติให้ถามก็ไม่สามารถถามได้
#ชูศักดิ์ #เพื่อไทย #แก้รัฐธรรมนูญ #พรรคประชาชน #การเมืองไทย #รัฐสภา