น่าสนใจแถลงการณ์ทิศทางการปรับปรุงพรรคเพื่อไทยครั้งใหญ่ของ ภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่ถือเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย สะท้อนถึงความพยายามของพรรคในการ “รีแบรนด์” และ “กระชับฐานอำนาจ” ในช่วงเวลาที่พรรคเผชิญกับสถานการณ์การเมืองที่ซับซ้อน เศรษฐกิจที่เปราะบาง และความศรัทธาทางการเมืองที่ลดลง
การประกาศ “ยกเครื่องพรรค” ใหม่ทั้งหมด ทั้งวิธีคิด วิธีทำงาน และการรับฟังเสียงประชาชน โดยมีหัวใจคือการทำให้พรรคกลับมา “เต้นตามจังหวะประชาชน” เป็นความพยายามที่จะฟื้นฟูภาพลักษณ์และจุดยืนของพรรค หลังการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วที่ถูกมองว่าอาจห่างไกลจากอุดมการณ์เดิม
พร้อมเน้นหลักการ “ประชาธิปไตยต้องกินได้” ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดแข็งดั้งเดิมของพรรคในด้านนโยบายเศรษฐกิจที่สามารถจับต้องได้ โดยเน้นการสร้างโอกาส งาน รายได้ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นการสื่อสารโดยตรงไปยังกลุ่มฐานเสียงหลักที่ต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ปรับโครงสร้างเชิงรุกด้วยการจัดตั้ง “สำนักนโยบาย” ที่เน้นงานวิจัยและขับเคลื่อนนโยบาย แสดงถึงความพยายามในการสร้างความน่าเชื่อถือทางวิชาการและการทำงานที่เป็นระบบ (“คิดเป็นระบบ ทำได้จริง”) นอกจากนี้ การเปิด “เวที Moonshot – ตาดูดาว เท้าติดดิน” และ “Young Professionals Program” ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความต้องการรับคนรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบ เพื่อลดช่องว่างระหว่างพรรคกับคนรุ่นใหม่ที่เคยเป็นปัญหาสำคัญในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และการรวมพลัง “รุ่นที่สร้าง” และ “รุ่นที่สานต่อ” เป็นการยืนยันถึงความต่อเนื่องของอำนาจและการผสานความเก๋าเข้ากับความสดใหม่
หากพิเคราะห์อย่างสังเคราะห์ จะพบว่า “ภูมิธรรม” มีความสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ เนื่องจากมีสถานะเป็นทั้ง “กระบี่คู่ใจ” และ "คลังสมอง" ของ ทักษิณ ชินวัตร และเป็น “พี่เลี้ยง” ที่ใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
“ภูมิธรรม” เป็นสัญลักษณ์ของความภักดีและความต่อเนื่องของอุดมการณ์พรรค ตั้งแต่ยุคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทย สถานะของ “ภูมิธรรม” จึงเปรียบเสมือน “เสาหลัก” เชื่อมโยงอำนาจเก่าและอำนาจใหม่ในพรรคเพื่อไทย หากภายใต้ความพยายามขับเคลื่อน “ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย” ดำเนินไปในสถานะทางการเมืองที่ยังคงมีความเสี่ยงจากประเด็นทางกฎหมาย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าในการพิจารณาคดีที่ ส.ว. ร้องให้วินิจฉัยกรณีกล่าวหาว่าแทรกแซงคดีฮั้ว ส.ว. แม้ความเป็นรัฐมนตรีจะสิ้นสุดลงไปแล้วก็ตาม ทำให้ชะตากรรมของเขาไม่แน่นอน
โดยต้องจับตาว่าผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีของ ภูมิธรรม ที่เป็น “เดอะแบก” หรือ “เสาหลัก” ของพรรคเพื่อไทย จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อพรรค และเส้นทางรีแบรนด์เพื่อไทย
#ภูมิธรรมเวชยชัย #เพื่อไทยรีแบรนด์ #ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย #การเมืองไทย