เปิดฉากมหันตภัยกลางกรุง สู่ปฏิบัติการกู้ภัยที่ซับซ้อนกว่าที่คาดการณ์ จากกำหนดการคืนผิวจราจร 14 วัน สู่การเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เมื่ออาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสนกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่สั่นคลอนทุกแผนการ นี่คือบทสรุปเหตุการณ์ถนนยุบตัวครั้งประวัติศาสตร์ที่ยังคงทิ้งคำถามไว้มากมาย
24 กันยายน 2568: นาทีถนนยุบตัว
เช้าตรู่ของวันที่ 24 กันยายน 2568 กลางถนนสามเสนอันพลุกพล่าน บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาลตรงข้ามสถานีตำรวจนครบาลสามเสน (สน.สามเสน) เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อพื้นถนนเกิดการยุบตัวอย่างรุนแรง กลายเป็นหลุมยักษ์ขนาดมหึมา กว้างประมาณ 30x30 เมตร และลึกเกือบ 20 เมตร โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ความเสียหายเกินประเมินค่า
จากการสำรวจเบื้องต้นโดยทีมวิศวกรจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบหลักในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ พบความเสียหายรุนแรง
1.โครงสร้างอาคาร สน.สามเสน ได้รับผลกระทบโดยตรง ดินใต้อาคารสไลด์ตัวลงไปในหลุมลึก 11-12 เมตร ทำให้เกิดโพรงขนาดใหญ่ เสาเข็มบางส่วนเสียหาย และตัวอาคารเริ่มทรุดเอียง เสี่ยงต่อการพังทลาย
2.ท่อประปาสายหลัก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.20 เมตรใต้ถนนแตกหัก มวลน้ำมหาศาลทะลักออกมาเร่งให้ดินโดยรอบอ่อนตัว
3.ดินโคลนมหาศาล ราว 8,000 ลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าไปในอุโมงค์รถไฟฟ้าที่เพิ่งก่อสร้าง สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
ทีมวิศวกรคาดการณ์ว่าสาเหตุหลักมาจาก "พฤติกรรมของดินที่เปลี่ยนแปลงไป" เมื่อชั้นดินทรายเจอกับน้ำใต้ดินปริมาณมหาศาล ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดินแปรสภาพเป็นของเหลว (Liquefaction) สร้างแรงดันมหาศาลจนโครงสร้างต้านทานไม่ไหวและพังทลายลงในที่สุด
ภารกิจ 14 วันพลิกผัน: อุปสรรคใต้ดิน
ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคือการ "ปิดปากอุโมงค์" เพื่อหยุดยั้งการไหลของดินและน้ำ แผนแรกคือการใช้กระสอบทรายกว่า 50,000 ใบ แต่กลับเจออุปสรรคที่ไม่คาดคิด นั่นคือ โครงสร้างคอนกรีตทรงสี่เหลี่ยมหนัก 34 ตัน จมขวางอยู่ปากอุโมงค์ ทำให้ไม่สามารถปิดช่องว่างได้สนิท การใช้เครนยักษ์ 200 ตันเพื่อยกออกก็ล้มเหลวเนื่องจากแรงดูดของดินโคลนและความไม่มั่นคงของพื้นที่
ทีมงานจึงต้องปรับแผนอย่างรวดเร็ว หันมาใช้ "คอนกรีต" เททับลงไปเพื่ออุดช่องว่างทั้งหมด โดยตั้งเป้าเทคอนกรีตล็อตแรก 700 คิว และตามด้วยอีก 1,000 คิวในวันต่อมา โดยใช้คอนกรีตรวมทั้งสิ้น 1,105 ลูกบาศก์เมตร เพื่อปิดปากอุโมงค์ให้สำเร็จและสร้างฐานสำหรับถมดินคืนสภาพ การตัดสินใจนี้ยังเป็นการแข่งกับเวลาเพื่อหนี "ฝน" ที่อาจซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายลง เป้าหมายเดิมที่วางไว้คือการคืนผิวจราจรภายใน 14 วัน หรือภายในวันที่ 8 ตุลาคม 2568 แต่แล้วสถานการณ์ก็ซับซ้อนขึ้นอีก
เมื่อ "สน.สามเสน" คือจุดวิกฤต: สู่การตัดสินใจรื้อถอน
แม้จะปิดปากอุโมงค์ได้สำเร็จ แต่โพรงใต้อาคาร สน.สามเสน ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ ทีมงานใช้เทคนิค "Shotcrete" หรือการพ่นคอนกรีตกำลังอัดสูงผสมเส้นใยไฟเบอร์ หนา 10 เซนติเมตร ไปที่ผนังดินใต้อาคารเพื่อป้องกันการถล่ม แต่สถานการณ์กลับเลวร้ายลง
วันที่ 4 ตุลาคม 2568 ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดดินสไลด์เพิ่มเติม ส่งผลให้เสาเข็มของอาคาร สน.สามเสน ขาดเพิ่มขึ้น ตัวอาคารทรุดตัวอย่างน่าเป็นห่วง คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญจึงมีมติฉุกเฉิน "ให้รื้อถอนอาคาร สน.สามเสนโดยเร่งด่วน" เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงานและป้องกันความเสียหายที่อาจลุกลาม
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้แผนการคืนผิวจราจรในวันที่ 8 ตุลาคมต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แผนการดำเนินงานถูกปรับเปลี่ยนทั้งหมด โดยมุ่งเน้นไปที่การรื้อถอนอาคาร สน.สามเสน และการสร้างเสถียรภาพของชั้นดินอย่างรอบคอบที่สุด
การรื้อถอน: เริ่มจากการย้ายยานพาหนะทั้งหมดออกจากอาคาร และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วย เช่น หุ่นยนต์ (Robot) ในการตัดโครงสร้างเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน และใช้เครนแขนยาวรื้อถอนจากชั้นบนลงล่าง
การเสริมความมั่นคง: ระหว่างการรื้อถอน มีการถมทรายกลับเข้าไปในหลุมอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าถมให้ได้วันละประมาณ 2,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อสร้างแรงค้ำยันผนังดินและฐานรากอาคารโดยรอบ
การสำรวจชั้นดิน: มีการทำ Coring หรือการเจาะเก็บตัวอย่างดินเป็นแท่งจาก 8 หลุม ลึก 23 เมตร เพื่อนำไปศึกษาลักษณะโครงสร้างดินอย่างละเอียด และมีการฉีดซีเมนต์เสริมความแข็งแรง (Grouting) ในชั้นดิน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการทรุดตัวซ้ำอีก
รพ.วชิรฯ ยืนยันความปลอดภัย รับมติรื้อ สน.สามเสน
จากการเลื่อนเปิดการจราจรออกไปไม่กำหนด โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ตามที่คณะทำงานตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารฯ มีมติให้รื้อถอนอาคาร สน.สามเสน เป็นการเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัยของสาธารณะ โดยยืนยันว่า รพ.วิชิรพยาบาลยังคงมีความปลอดภัยและไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการ สามารถเปิดให้บริการตามปกติ รวมถึงที่จอดรถชั้นใต้ดิน อาคารทีปังกรรัศมีโชติเข้าจอดได้ตามปกติ หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบต่อไป
นอกจากนี้ โรงพยาบาลได้ประสานกับตำรวจและผู้รับผิดชอบโครงการ เพิ่มรถรับส่ง สำหรับผู้ที่จะมาใช้บริการในโรงพยาบาล และจัดเจ้าหน้าที่บริการจุดรับส่งเรียกรถแท็กซี่ รวมถึงกำหนดการเดินทางต่าง ๆ ดังนี้
รถส่วนตัว: จอดที่อาคารทีปังกรรัศมีโชติ หรือที่จอดรถซอยสามเสน 13 (ตามปกติ)
รถสาธารณะ: รพ.จัดรถส่งผู้รับบริการ ไปยังจุดบริการต่าง ๆ นอกพื้นที่ รพ. ตั้งแต่เวลา 09.30 - 15.00 น. วันจันทร์-ศุกร์ จำนวน 3 สาย ได้แก่สาย 1 วิชิรพยาบาล - สถานีรถไฟฟ้าสิรินธร สาย 2 วชิรพยาบาล - ศรีย่าน สาย 3 วชิรพยาบาล - หน้า รร.เซนต์คาเบรียล ม.สวนดุสิตและที่จอดรถในซอยสามเสน 13 โดยมีจุดพักคอยอยู่บริเวณหน้าศูนย์อาหาร ข้างอาคารที่ปังกรฯ
รถแท็กซี่: รพ.จัดบริการเรียกรถแท็กซี่มารับบริเวณหน้าตึกอุบัติเหตุ อาคารเพชรรัตน์ กรณีผู้ป่วยรถนั่ง รถนอน ผู้สูงอายุ ที่มีข้อจำกัดการเคลื่อนไหวและเด็กอ่อน
สถานการณ์ล่าสุด: ความปลอดภัยต้องมาก่อน
ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2568 การดำเนินงานยังคงเป็นไปอย่างระมัดระวัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยอมรับว่าสถานการณ์ "ยากกว่าที่คาดการณ์ไว้" และ "ไม่จบง่าย" การเปิดถนนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทุกฝ่ายมั่นใจในความปลอดภัยและผลในระยะยาวอย่างแท้จริง เพื่อไม่ต้องกลับมาแก้ไขซ้ำอีก ขณะที่การรื้อถอนอาคาร สน.สามเสน ยังคงดำเนินไปพร้อมกับการตรวจสอบความมั่นคงของอาคารข้างเคียงอย่างใกล้ชิด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ครั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่กระทรวงคมนาคมตั้งขึ้นกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อหาข้อสรุปต่อไป
เหตุการณ์หลุมยุบกลางถนนสามเสนเป็นอีกบทเรียนครั้งสำคัญในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ใจกลางเมือง และเป็นภารกิจที่ต้องติดตามต่อไปว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด และจะคืนความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนได้อย่างไร