การใช้จ่ายและไลฟ์สไตล์ของชาว Gen Z (ผู้ที่เกิดในช่วงปี 1997 – 2012) ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตาในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน พวกเขาคือพลังขับเคลื่อนสำคัญที่พร้อมทุ่มเงินให้กับ "ประสบการณ์" ที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร และสะท้อนตัวตนได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในมิติของการ เที่ยว กิน ช้อป และ แฮงเอาท์ ที่กำลังเปลี่ยนโฉมภูมิทัศน์ของเมืองไทยไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับเรื่องการ เที่ยว นั้น Gen Z ไม่ได้ต้องการแค่สถานที่สวยงาม แต่ต้องการ "คอนเทนต์" ที่สามารถนำเสนอลงโซเชียลมีเดียได้อย่างน่าสนใจ พวกเขาโหยหาการหลีกหนีความซ้ำซากจำเจ ดังนั้นจุดหมายปลายทางที่ไม่ใช่แค่แลนด์มาร์คหลักจึงมาแรง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปในเมืองรองที่ค่าใช้จ่ายต่ำแต่มีเอกลักษณ์ หรือแม้แต่การเลือกจุดหมายในต่างประเทศที่มีค่าครองชีพน่าคบหาอย่างประเทศในโซนเอเชีย
เทรนด์การท่องเที่ยวของ Gen Z ในปี 2568 จึงเน้นไปที่การ ผจญภัยแบบมีสไตล์ และ ยั่งยืน พวกเขามองหาโฮสเทลเก๋ๆ หรือที่พักที่มีดีไซน์เฉพาะตัวในราคาที่สมเหตุสมผล การเที่ยวแบบ Backpacker หรือทริปสั้นๆ ที่เน้นกิจกรรม เอาต์ดอร์ จึงได้รับความนิยมสูง เช่น การไปเที่ยวป่าเขาเพื่อหลีกหนีโลกดิจิทัลชั่วคราว หรือการเดินทางไปสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเพื่อค้นพบมุมมองใหม่ๆ
ในกรุงเทพฯ สถานที่ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งด้านสไตล์และการสร้างคอนเทนต์ได้ดีเยี่ยม คือโซนที่มีการผสมผสานระหว่าง วิถีชีวิตดั้งเดิม กับ ความทันสมัย อย่างลงตัว เช่น ย่าน บรรทัดทอง ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารเก๋ๆ และสตรีทฟู้ด หรือ คลองบางหลวง ที่เป็นแหล่งรวมศิลปะและเวิร์คช็อปงานฝีมือซึ่งถูกใจสายอาร์ตที่ต้องการกิจกรรมทำมากกว่าแค่ถ่ายรูป
เมื่อพูดถึงเรื่อง กิน Gen Z เป็นกลุ่มที่ตัดสินใจซื้อจาก ความจริงใจ และ ความเชื่อ มากกว่าแค่รสชาติหรือราคา พวกเขาจะค้นหารีวิวจาก Creator ที่น่าเชื่อถือก่อนเสมอ และนิยมไปร้านที่มี Gimmick หรือ จุดยืน ชัดเจน เช่น คาเฟ่ที่เน้นความยั่งยืน การใช้พืชผักออร์แกนิก หรือร้านที่มีดีไซน์จัดจ้านแปลกตาไม่เหมือนใคร
หนึ่งในกระแสการกินที่มาแรงสุดๆ ในปีนี้คือ "Coffee Rave" หรือ "Day Club" ซึ่งเป็นปาร์ตี้กาแฟในช่วงกลางวัน ผสมผสานดนตรีอิเล็กทรอนิกส์เข้ากับเครื่องดื่มกาแฟและม็อกเทลที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ตอบโจทย์เทรนด์ Sober Curious ของ Gen Z ที่ต้องการความสนุกสุดเหวี่ยงโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องดื่มมึนเมา
สำหรับการ ช็อปปิ้ง โลกออนไลน์คือสมรภูมิหลัก Gen Z คือกลุ่มที่ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee และ TikTok Shop ในการค้นหาและสั่งซื้อสินค้าเป็นอันดับต้นๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ พวกเขาไม่ได้ตัดสินใจด้วย "ราคาถูกที่สุด" เสมอไป
ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการช็อปปิ้งของ Gen Z คือ "ความคุ้มค่า" โดยเฉพาะบริการ ส่งฟรี ที่ถือเป็นแรงจูงใจอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยโปรโมชั่นและส่วนลดที่รู้สึกว่าได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งบ่งบอกว่า Gen Z มีการ เลือกซื้ออย่างมีสติ (Mindful Consumption)
ในขณะที่แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok และ YouTube Shorts มีอิทธิพลอย่างมากในการสร้างความต้องการซื้อ สินค้าที่โดนใจ Gen Z มักเป็นสินค้าที่ สะท้อนตัวตน (Individuality) และสามารถ ปรับแต่งเองได้ (Customization) ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น หรืออุปกรณ์แก็ดเจ็ตต่างๆ ที่ช่วยในการสร้างสรรค์คอนเทนต์
สุดท้าย การ แฮงเอาท์ ของ Gen Z ก็ถูกยกระดับไปอีกขั้น จากร้านเหล้าแบบเดิมๆ พวกเขาหันไปหาร้านที่ให้ "ประสบการณ์ทางสังคม" ที่แท้จริง และเดินทางสะดวกสบายด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
Rooftop Bar ที่มีวิวสวยงามในย่านใจกลางเมืองยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่เทรนด์ใหม่คือ บาร์ลับ (Speakeasy) หรือร้านที่มี ธีม ชัดเจนที่กระตุ้นให้เกิดการพูดคุยและถ่ายรูป หรือร้านนั่งชิลล์ที่มีดนตรีสดที่มีสไตล์ ไม่ใช่แค่เสียงดัง แต่เน้นบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
นอกจากนี้ การแฮงเอาท์ของ Gen Z ยังรวมไปถึงการใช้เวลาร่วมกันในสถานที่ที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เช่น คาเฟ่ศิลปะ หรือ คอมมูนิตี้สำหรับคนรักกิจกรรมเฉพาะทาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Gen Z ให้คุณค่ากับ การเชื่อมต่อระหว่างกันในชีวิตจริง (IRL - In Real Life) ที่มีคุณภาพมากกว่าแค่การสังสรรค์ไร้จุดหมาย
สรุปได้ว่า Gen Z คือผู้บริโภคที่ขับเคลื่อนด้วย อัตลักษณ์ และ ความหมาย ในทุกการใช้จ่าย ทุกที่ที่พวกเขาไป ทุกสิ่งที่พวกเขากิน และทุกสิ่งที่พวกเขาซื้อ ล้วนต้องผ่านการคัดกรองอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัวและศักยภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์
การเข้าใจลึกถึงความต้องการเหล่านี้จึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับทุกธุรกิจในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่ทรงอิทธิพลที่สุดกลุ่มนี้ และแน่นอนว่าเทรนด์นี้จะยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นในทุกอุตสาหกรรมในปีต่อๆ ไป
#GenZLifestyle #เที่ยวกินช้อป #ที่เที่ยวลับ #แฮงเอาท์ #เทรนด์คนรุ่นใหม่ #BangkokLifestyle #ที่เที่ยว2025