ประชาชนจากหมู่บ้าน และตำบลต่างๆในเขต อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และใกล้เคียงทยอยเดินทางมากดถอนเงินจากตู้ เอ.ที.เอ็ม. และเคาเตอร์ ธ.ก.ส.สาขาบ้านกรวด กันอย่างคึกคักตลอดทั้งวัน ขณะที่ธนาคารเตรียมเงินไว้พร้อม และเติมเงินเข้าตู้ เอ.ที.เอ็ม. ไปแล้วถึง 2 รอบ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนรวมทั้งกำหนดวันเบิกจ่ายให้แต่ละหมู่บ้านตำบล เพื่ออำนวยความสะดวกและไม่ให้เกิดความแออัด

เมื่อวันที่ 6 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนจากหมู่บ้าน ตำบลต่างๆในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับเงินโอนผ่านธนาคาร ธ.ก.ส. ต่างเดินทางไปกดเงินดังกล่าวกันอย่างคึกคัก

โดยเฉพาะที่สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.สาขาบ้านกรวด อ.บ้านกรวด มีผู้นำบัตร เอ.ที.เอ็ม.มายืนรอคิวเพื่อกดเงิน และนำสมุดมาปรับยอดเงิน รวมถึงยื่นเรื่องถอนที่บริเวณหน้าเคาท์เตอร์ของธนาคาร เป็นจำนวนมาก
ทำให้บรรยากาศคลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านที่เดินทางมากดถอนเงินเยียวยาผู้ประสบภัยกรณีอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ปี 2568 โดยทั้งพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ มีจำนวน 39,632 ครัวเรือน วงเงิน 198,160,000 บาท ส่วนที่ อ.บ้านกรวด มีจำนวน 13,797 ครัวเรือน วงเงินกว่า 68 ล้านบาท

โดยทาง นายวัลลภ มีเวที ผู้จัดการ ธ.ก.ส.สาขาบ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้บอกว่า ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมาได้มีประชาชนทยอยเดินทางมากดเงินเป็นจำนวนมาก ทำให้ทางธนาคารได้เติมเงินสดเข้าตู้ เอ.ที.เอ็ม.แล้วถึง 2 รอบ และทางธนาคารก็ได้มีการสำรองเงินสดเอาไว้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน รวมถึงได้จัดเป็นตารางกำหนดวันเบิกจ่ายเงินสำหรับแต่ละพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความแออัด และเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมถึงได้มีมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันกลุ่มมิจฉาชีพที่อาจจะเข้ามาฉวยโอกาสก่อเหตุ ซ้ำเติมความทุกข์ให้กับประชาชนด้วย

ในขณะที่ชาวบ้านที่เดินทางมากดเงินเยียวยา ต่างฝากขอบคุณรัฐบาลที่ได้เร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยา เพื่อที่จะได้มีเงินไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ชำระหนี้สินที่หยิบยืมจากเพื่อนบ้านในช่วงการอพยพ และเตรียมสำหรับใช้ในการอพยพครั้งต่อไปหากเกิดเหตุการณ์ รวมถึงฝากให้รัฐบาลและทหารได้เร่งดำเนินการจัดการแก้ปัญหาชายแดนให้จบสิ้นโดยเร็ว เพราะทุกวันนี้ชาวบ้านยังใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดวิตก
นายธีระ หลอมประโคน อายุ 70 ปี ชาว ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด บอกว่า วันนี้รู้ว่ามีเงินเยียวยาฯเข้ามาในแอพธนาคารฯ โดยกดเงินมา 3,000 บาท เพื่อนำไปใช้จ่ายและเตรียมไว้ใช้ในการอพยพครั้งต่อไป หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นอย่างน้อยเงินนี้ก็พอได้ค่าน้ำมันรถสำหรับเดินทางอพยพ และต้องขอขอบคุณรัฐบาลชุดใหม่ที่ได้เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินแก่ประชาชน
นางประยุทธ นึกรัมย์ อายุ 57 ปี ชาว ต.เขาคอก อ.ประโคนชัย บอกว่า มากดเงินเยียวยาฯทั้งหมด 5,000 บาท โดยตั้งใจจะนำเงินทั้งหมดนี้ไปใช้จ่ายในครัวเรือน และจ่ายหนี้สินเพื่อนบ้านที่ยืมมาในช่วงของการอพยพ ซึ่งเงินที่ได้มาจำนวนนี้ถือเป็นการชุบชีวิตให้ประชาชนในระดับหนึ่ง ที่รัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือ และนอกจากเรื่องเงินเยียวยาแล้ว อยากให้รัฐบาลและทหารเร่งดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหาชายแดน ให้จบสิ้นโดยเร็วไว เพราะตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ใช้ชีวิตประจำวันอย่างหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีกตอนไหน ซึ่งตอนนี้ก็ได้เก็บเสื้อผ้าข้าวของเตรียมพร้อมไว้แล้วเช่นเดียวกัน
#ภูมิภาค-54