วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบโบราณวัตถุที่ถูกเคลื่อนย้ายจาก "ปราสาทคันนา" มาเก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านแนงมุด ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตั้งแต่ปี 2515 โดยจากการตรวจสอบ พบว่าเป็น ชิ้นส่วนสถาปัตยกรรมขอมโบราณ สมัยพุทธศตวรรษที่ 15-16 หรือประมาณ 900 ปีก่อน เช่น เสาประดับกรอบประตู ฐานรูปเคารพ และหน้าบัน

นายทศพรเผยว่า แม้ตามหลักการ โบราณวัตถุไม่ควรเคลื่อนย้ายออกจากแหล่ง แต่ในอดีต ชาวบ้านนำมาเก็บรักษาไว้ด้วยเจตนาดี เพื่อป้องกันการสูญหาย เบื้องต้นจะให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ดำเนินการจัดทำทะเบียนอย่างเป็นทางการต่อไป พร้อมยืนยันจากข้อมูลแผนที่ว่า พื้นที่ของปราสาทคันนาอยู่ในเขตประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านในพื้นที่เรียกร้องให้ภาครัฐเร่งจัดทำรั้วหรือแนวเขตแดนให้ชัดเจน หลังมีรายงานว่าฝั่งกัมพูชาเริ่มเข้ามาในพื้นที่ใกล้กับปราสาท ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคต โดยหลายคนแสดงความกังวลว่า คนรุ่นหลังอาจต้องมารับภาระความไม่แน่นอนเรื่องพื้นที่อีก

นายเลื้อย เรืองกระจาย วัย 70 ปี หนึ่งในผู้ช่วยขนหินจากปราสาทคันนาเมื่อครั้งยังเป็นสามเณร เล่าว่า ขณะนั้นสภาพปราสาทเป็นซากพังทลาย มีเพียงเสากับฐานเคารพที่สามารถยกขึ้นรถได้ ส่วนทับหลังมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเคลื่อนย้าย
นางรุ่งนภา บึงจันทร์ อดีต ส.อบต.แนงมุด เผยว่า เคยเข้าไปสำรวจพื้นที่ปราสาทเมื่อปี 2545 เพื่อหวังพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ติดข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งเขตอนุรักษ์ ทุ่นระเบิด และ MOU ความร่วมมือชายแดน ทำให้โครงการไม่คืบหน้า

นายวีรวัฒน์ พันธุ์ศิลป์ อดีตผู้ใหญ่บ้านแนงมุด ยืนยันว่า ปราสาทคันนาไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตามที่บางเพจระบุ แต่เป็นเพียงซากปรักหักพังที่ผุพังมานานหลายสิบปี โดยร่องรอยของตัวปราสาทอยู่ในพื้นที่ราว 40x40 เมตร มีสระน้ำอยู่ทางทิศตะวันออก
อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่หวังว่าทางการไทยจะเร่งเจรจาและกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน เพื่อรักษาสิทธิในพื้นที่ และโบราณสถานสำคัญไม่ให้ตกไปอยู่ในความดูแลของประเทศเพื่อนบ้าน
#ภูมิภาค-63