วันที่ 6 ต.ค.68 เวลา 16.30 น. นายสมศักดิ์ บุตรโสภา อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ม.2 ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ผู้มีอาชีพทำประมงตามวิถีชาวบ้าน ด้วยการดักลอบหาปลาภายในคลองขุดใหม่เลียบถนนสุขุมวิทสายเก่า (สาย 3) กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า หลังจากมีปลาหมอคางดำระบาดเข้ามาถึงในพื้นที่ ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางปี 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ ยังคงดักลอบในคลองหาปลาชนิดอื่นๆ เช่น ปลานิล ปลาช่อน ปลาตะเพียน ไม่ได้เลย

โดยดักได้แต่ปลาหมอคางดำเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ซึ่งยังมีอยู่เป็นจำนวนมากแต่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้ นอกจากจะนำไปต้มให้แมวที่เลี้ยงไว้กิน เนื่องจากปลาหมอตางดำที่ดักได้ส่วนใหญ่จะเป็นปลาตัวเล็ก ขนาดแค่เพียงสามนิ้วเท่านั้น และมักจะลอยหัวขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำในช่วงเช้า เมื่อใช้แหหว่านลงไปจะได้ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกปลาหมอคางดำทั้งหมด จึงทำให้ไม่มีรายได้จากการหาปลาจากภายในคลองขาย ทั้งที่เป็นอาชีพที่ทำกินมาอย่างยาวนานถึงกว่า 30 ปีแล้ว

ส่วนอีกอาชีพที่ทำควบคู่ประกอบกันไป คือ อาชีพรับจ้างตัดหอยรายวัน ได้ค่าจ้างเพียงวันละ 200 บาท โดยจะออกไปตัดหลักหอยแมลงภู่ที่กลางทะเลบริเวณปากอ่าวแม่น้ำบางปะกง แต่ปัจจุบันหอยที่เจ้าของนาลงหลักเลี้ยงไว้นั้น ตัวผอมเล็กไม่อ้วนใหญ่ โดยเชื่อว่าอาจจะเกิดจากการระบายน้ำทิ้งลงมาจากทางภาคเหนือและภาคกลางตอนบนรวมถึง กทม. ที่ได้มีการผันน้ำลงมายังในลำน้ำบางปะกงในปริมาณมาก จึงทำให้เกิดภาวะน้ำจืดไปทั่วทั้งปากอ่าว และทำให้หอยแมลงภู่ไม่เจริญเติบโต เจ้าของนาหอยจึงหยุดจ้างงาน

ขณะนี้ไม่มีรายได้อะไรมานานถึงกว่า 2 สัปดาห์แล้ว จะลงลอบหาปลาก็ไม่มีปลาให้หา จะไปรับจ้างตัดหอยก็ไม่มีหอยให้ตัด จึงทำให้ขาดรายได้ จะรอความหวังจากรัฐบาลในโครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ก็คงจะไม่ได้ เพราะตนได้รับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยได้รับมาก่อนและไม่มีสมาร์ทโฟนอีกด้วย มีแต่เพียงโทรศัพท์รุ่นปุ่มกดเท่านั้น นายสมศักดิ์ กล่าว
#ภูมิภาค-18