แม้จะไม่เกินความคาดหมาย กับปฏิบัติการ "เด้ง" เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจับตามองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเกิดความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในห้วงเวลาสำคัญที่รัฐบาลใหม่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศ
แต่ที่น่าสนใจ ก็คือเมื่อ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้ออกมาเปิดโปงความผิดปกติเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่เป็นคณะทำงานคนสำคัญในคดีฮั้ว สว. โดยถูกสั่งให้ไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาลเพียง 3 วัน (26 ก.ย. 2568) ซึ่งถูกมองว่าเป็นการกระทำที่เร่งรีบและมีเงื่อนงำหรือไม่
"ชูวิทย์" มองว่านี่คือการ "เด้งเข้ากรุ" หรือ "เด็ดหัว" เจ้าหน้าที่เพื่อหยุดหรือชะลอการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มอำนาจใหม่ อย่างชัดเจน การย้ายผู้ปฏิบัติงานหลักออกไปอย่างกะทันหันย่อมส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนอื่น ๆ ในการเดินหน้าทำคดีที่มีความอ่อนไหวสูง
ประเด็นที่สองที่ถูกตั้งคำถามอย่างหนักคือ การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ พล.ต.ต. รุทธพล เนาวรัตน์ ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน ซึ่งมีรายชื่อพนักงานสอบสวน DSI ที่กำลังทำคดีฮั้วสว. และเขากระโดง รวมอยู่ด้วย การดึงตัวเจ้าหน้าที่ที่ "กุมสำนวน" และ "รู้ตื้นลึกหนาบาง" มาเป็นคณะทำงานส่วนตัวของรัฐมนตรีฯ จึงถูกตั้งคำถามว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำนวนคดีเพื่อวางแผน "เป็นประโยชน์กับตัวเองหรือพรรคพวก" หรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า คดีทั้งสองมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่มีฐานอำนาจในพื้นที่บุรีรัมย์ คือ พรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบันก็ถูกระบุว่าเป็น "บุรีรัมย์คอนเน็กชั่น" ซึ่งยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้แก่ข้อสงสัย
แม้พล.ต.ต.รุทธพล จะออกมา ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะไม่เข้าไปแทรกแซงคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว ส.ว. โดยระบุว่าจะยึดหลักนิติธรรม ปล่อยให้ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก็สร้างบาดแผลให้กับความเชื่อมั่นในองค์กร
ขณะที่ความเคลื่อนไหวใน DSI อาจเป็นเพียงการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" หรือไม่ โดยเฉพาะเก้าอี้ ของ ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไปที่สั่นคลอนไปด้วยหรือไม่ หรือจะโอนอ่อนไปตามอำนาจใหม่
เป้าใหญ่ที่ต้องจับตาต่อไปนั้นคือเส้นทางของ ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม
ที่ทั้งสองถูกกล่าวหาว่า ใช้อำนาจหน้าที่ผ่าน DSI เข้าไปก้าวก่ายกระบวนการตรวจสอบการเลือก ส.ว. ของ กกต. ซึ่งนำไปสู่การร้องศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องจริยธรรม ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 2 ให้ดำเนินกระบวนการวินิจฉัยคดีต่อไป แม้ว่าผู้ถูกร้องทั้งสองจะพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไปแล้วก็ตาม
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ เอื้อย TALK โดยเปรียบเทียบกับคดีของพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ลาออกแล้วคดีจบ แต่คดีของภูมิธรรมและทวีกลับไม่จบ โดยตั้งข้อสังเกตถึงความเป็นองค์กรอิสระของศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งมาจาก ส.ว. และการที่ศาลตัดสินเดินหน้าคดีต่อเพื่อประโยชน์สาธารณะ ณัฐวุฒิยอมรับว่าเป็นห่วงชีวิตทางการเมืองของภูมิธรรมกับทวี ดีไม่ดีสองคนนี้จะโดนก่อน ส.ว. ที่ฮั้วด้วยซ้ำ
ข้อสังเกตของ "ณัฐวุฒิ"นั้น อาจไม่เกินจากฉากทัศน์ที่บรรดานักวิเคราะห์การเมืองมองไว้ บรรยากาศตอนนี้จึงดูเหมือนว่าฝนกำลังตั้งเค้าก่อนมรสุมลูกใหญ่
#ดีเอสไอ #ชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ #DSI #ภูมิธรรมเวชยชัย #พตอทวีสอดส่อง #การเมือง #ไวรัลวันนี้