เทศกาลถือศีลกินเจประจำปี 2568 ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง โดยในปีนี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันอังคารที่ 21 ตุลาคม และสิ้นสุดในวันพุธที่ 29 ตุลาคม รวมระยะเวลา 9 วัน 9 คืน สำหรับผู้ที่ต้องการถือศีลอย่างเคร่งครัด ควรเริ่มต้น “ล้างท้อง” ตั้งแต่มื้อเย็นของวันที่ 20 ตุลาคม เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้อ่านวัย 45 ปีขึ้นไป การกินเจถือเป็นโอกาสสำคัญในการ ปรับสมดุลสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการสืบสานศรัทธา เพื่อนำไปสู่ชีวิตในวัยกลางคนที่ผาสุกยิ่งขึ้น
สำหรับคนในวัย 45+ การเข้าร่วมเทศกาลกินเจคือการให้ของขวัญอันล้ำค่าแก่ร่างกายและจิตใจ โดยมีเหตุผลสำคัญ 3ประการ
ประการแรกคือ เพื่อฟื้นฟูร่างกายและล้างพิษ อาหารเจซึ่งเป็นอาหารชีวจิตที่เน้นพืชพรรณธรรมชาติ จะช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุลและล้างพิษออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับวัยที่ระบบเผาผลาญเริ่มทำงานช้าลง ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ การงดเนื้อสัตว์ตลอด 9 วันนี้ จะช่วย ปรับสมดุลพลังหยินหยาง ในร่างกายให้สมบูรณ์ เนื่องจากเนื้อสัตว์ถูกมองว่าเป็น “หยิน” ขณะที่ผักผลไม้เป็น “หยาง” นอกจากนี้ หลักการบำบัดโรคด้วยอาหารตามเวชศาสตร์โบราณของจีนยังตอกย้ำถึงคุณค่าทางโภชนาการของการบริโภคอาหารจากพืชเพื่อสุขภาพที่ดี
ประการที่สองคือ เพื่อชำระจิตใจ ลดกรรม เมื่ออายุมากขึ้น การกินเจเป็นโอกาสในการ ทำบุญและชำระล้างจิตใจให้ผ่องใส ผ่านการ ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ซึ่งเป็นการละเว้นกรรมที่เกิดจากการฆ่าสัตว์เพื่อบริโภค และประการที่สามคือ เพื่อสืบสานศรัทธาและประเพณี โดยมีรากฐานความเชื่อที่แข็งแกร่งมาจากตำนานที่เล่าว่า ชาวจีนฮกเกี้ยน ณ เกาะภูเก็ต สามารถ รอดชีวิตจากโรคระบาดใหญ่ มาได้ทั้งหมดในราว พ.ศ. 2370 หลังจากการถือศีลกินเจตามประเพณีดั้งเดิม ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่าการกินเจช่วยให้ รอดพ้นเคราะห์กรรม
ผู้ที่ตั้งใจถือศีลกินเจ โดยเฉพาะวัยที่ต้องใส่ใจสุขภาพ ควรเน้นย้ำถึงข้อห้ามด้านอาหารที่เชื่อว่าส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายใน: สิ่งแรกที่ต้องงดโดยสิ้นเชิงคือ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด รวมถึงส่วนประกอบทั้งหมด เช่น ไขมันสัตว์ ไข่ เลือด นม เนย น้ำผึ้ง น้ำปลา เจลาติน และคอลลาเจน หากจะบริโภคชาหรือกาแฟ ต้องเป็นชนิดที่ไม่ผสมนม เนย หรือครีมเทียม อย่างไรก็ตาม วิตามินเสริมอัดเม็ดที่ไม่มีสารสกัดจากสัตว์ยังคงสามารถบริโภคได้
ข้อห้ามสำคัญอีกประการคือ การงดผักกลิ่นฉุน 5 อย่าง ซึ่งเชื่อว่าส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในตามหลักโบราณ ได้แก่ กระเทียม (ไม่ดีต่อหัวใจ), หัวหอมทุกชนิด (ไม่ดีต่อไต), หลักเกียว (ผักของจีนคล้ายกระเทียมโทน, ไม่ดีต่อม้าม), กุยช่าย (ไม่ดีต่อตับ) และ ใบยาสูบ (ไม่ดีต่อปอด) นอกจากนี้ยังต้องงด สุราและของมึนเมา ตลอดทั้ง 9 วัน และควรงดอาหารที่มีรสจัดจ้านมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด หรือเปรี้ยวจัด เพราะรสจัดจะกระตุ้นต่อมต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้จิตใจไม่สงบในช่วงถือศีล การรับประทานอาหารรสอ่อนยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นในวัยนี้
การถือศีลกินเจที่สมบูรณ์แบบนั้น ต้องทำควบคู่ไปกับการปฏิบัติทางจิตใจ ผู้ถือศีลอย่างจริงจังควรระมัดระวังเรื่องความเคร่งครัดด้านภาชนะและการปรุงอาหาร โดยควร ทานอาหารที่ปรุงจากคนที่ถือศีลกินเจด้วยกันเท่านั้น และต้องระวังไม่ให้ถ้วยชามปนกับของผู้ที่ไม่ได้กินเจ นอกจากการงดอาหารแล้ว การถือศีลปฏิบัติควบคู่กันไปก็สำคัญ เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือเบียดเบียนชีวิตใคร ต้อง แต่งกายด้วยชุดขาว และ ห้ามพูดคำหยาบ โกหก ยุยง ส่อเสียด หรือพูดจาไม่เป็นสาระตลอดช่วงเทศกาล สำหรับข้อปฏิบัติที่ยืดหยุ่นได้ คือผู้ที่ถือ ศีล 5 ยังคงสามารถ แต่งหน้าและฉีดน้ำหอมได้ แต่หากตั้งใจถือ ศีล 8 อย่างเคร่งครัด จะต้องงดการกระทำเหล่านี้ทั้งหมด ส่วน พริกไทย นั้นถือเป็นสมุนไพรที่อนุโลมให้บริโภคได้ แต่หากรู้สึกว่ามีกลิ่นฉุน ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน โดยรวมแล้ว การกินเจตลอด 9 วันนี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับปรุงและฟื้นฟูตนเองอย่างครบถ้วนทั้งทางกายและทางจิตวิญญาณ
#กินเจ2568 #เทศกาลกินเจ #สุขภาพดีวัย45plus #บำรุงกายชำระใจ #อาหารเจ #สุขภาพใจ #ถือศีลกินผัก #สยามรัฐออนไลน์